ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

รัฐบาลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องให้การดูแล  และที่พักพิงสำหรับชาวโรฮิงญาที่ติดค้างอยู่กลางทะเล 

 

     สืบเนื่องจากรายงานข่าวว่า มีเรือขนผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาอย่างน้อยหนึ่งลำติดค้างอยู่กลางทะเล  

เรเชล ชัว โฮวาร์ด นักวิจัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า เจ็ดปีหลังเกิดวิกฤตทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้สูญเสียชีวิตจำนวนมาก ชาวโรฮิงญายังคงเสี่ยงภัยในการเดินทาง เพื่อหลบหนีการประหัตประหารจากเมียนมาภายใต้ระบอบทหาร แม้จะเป็นบ้านเกิดของตน และหลบหนีจากสภาพชีวิตที่เลวร้ายในค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศ   

"กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศกำหนดให้ต้องช่วยชีวิตหรือให้การช่วยเหลือบุคคลที่ประสบภัยอยู่กลางทะเล และนำตัวไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อคุ้มครองชีวิตเหล่านี้ ความล่าช้าในการบรรเทาความทุกข์ยากของชาวโรฮิงญาหรือความพยายามใดๆ ที่จะส่งตัวกลับไปเผชิญกับการประหัตประหารในเมียนมา ถือเป็นการกระทำที่ขาดมโนธรรมสำนึก"   

“รัฐบาลประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องประสานงานและร่วมมืออย่างเร่งด่วนในภารกิจค้นหาและช่วยชีวิต โดยต้องพยายามค้นหาเรือที่ประสบภัย รวมถึงประกันว่าผู้ที่อยู่ในเรือจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย และได้รับความช่วยเหลือทางการแพทย์ที่เหมาะสม รวมทั้งน้ำและอาหาร” 

 

ข้อมูลพื้นฐาน   

              สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (United Nations High Commissioner for Refugees หรือ UNHCR) รายงานว่าจำนวนผู้ที่เดินทางอย่างเสี่ยงภัยโดยเรือจากเมียนมาไปยังบังกลาเทศ ในปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโรฮิงญา มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึงหกเท่า โดยมีรายงานผู้เสียชีวิตหรือสูญหายจำนวน 119 คน  

ทางการในภูมิภาคนี้ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะปรับปรุงการประสานงานในภารกิจค้นหาและช่วยชีวิตบุคคลในเรือที่กำลังประสบภัย หลังเกิดการสูญเสียชีวิตจากความล่าช้าในการดำเนินการ  

ในเดือนสิงหาคม 260 ชาวโรฮิงญากว่า 740,000 คน ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก หลบหนีจากตอนเหนือของรัฐยะไข่ไปยังบังกลาเทศที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านหลังกองกำลังเมียนมาเปิดฉากโจมตีหมู่บ้านชาวโรฮิงญาอย่างกว้างขวางและเป็นระบบ ที่รวมทั้งการสังหารนอกกระบวนการกฎหมาย การทำลายทรัพย์สิน และการล่วงละเมิดทางเพศ   

            ชาวโรฮิงญากว่า 130,000 คนยังคงอาศัยอยู่ในค่ายกักกันในสภาพที่เลวร้ายในรัฐยะไข่ของเมียนมา พวกเขายังคงถูกจำกัดเสรีภาพในการเดินทาง การเข้าถึงการศึกษาและบริการด้านสุขภาพ  แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกการปฎิบัติต่อชาวโรญิงญาเช่นนี้ว่าเป็นการแบ่งแยกสีผิวและชาติพันธุ์

กองทัพเมียนมามักควบคุมตัวชาวโรฮิงญาอย่างสม่ำเสมอและตามอำเภอใจจากการที่พวกเขาเดินทางออกนอกรัฐยะไข่  ผู้ที่ถูกควบคุมตัวจะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำ โดยไม่มีสิทธิในการต่อสู้คดี หรือไม่สามารถติดต่อทนายความได้  ในขณะที่สภาพในเรือนจำของเมียนมามีลักษณะที่ไร้มนุษยธรรม และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ   

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: press@amnesty.org