ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

ปฏิบัติการด่วน: แอมเนสตี้เรียกร้องทางการไทยยกเลิกการดำเนินคดีต่อพี่สาววันเฉลิม  

 

สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ออกปฏิบัติการด่วนเชิญชวนสมาชิก นักกิจกรรม และผู้สนับสนุนร่วมกันส่งจดหมายถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีและยกเลิกข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่ถูกตั้งข้อหาร่วมกันชุมนุมโดยฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินรวม 2 คดี จากการออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ค้นหาความจริงเกี่ยวกับชะตากรรมและที่อยู่ของน้องชาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ที่ถูกลักพาตัวหายไปในช่วงเย็นของวันที่ 4 มิถุนายน 2563 บริเวณหน้าคอนโดแห่งหนึ่งในประเทศกัมพูชา โดยการรณรงค์นี้จะมีไปถึงวันที่  29 สิงหาคม 2565 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลระบุว่า รู้สึกเสียใจที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินคดีอาญาต่อสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เพียงเพราะเธอใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ และยังรู้สึกไม่สบายใจกับรายงานที่อาจบ่งชี้ว่าเธอเป็น “บุคคลเฝ้าระวังพิเศษ (ระดับแดง)” ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“สิตานันถูกตั้งข้อหาร่วมกันชุมนุมโดยฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินรวม 2 คดี โดยคดีแรก จากการไปร่วมชุมนุม #ม็อบ5กันยา ที่ แยกอโศก เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2564 เพื่อถ่ายทอดความอยุติธรรมที่ตนเองได้รับจากเจ้าหน้าที่รัฐและเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่น้องชายและเหยื่อการบังคับสูญหาย และอีกคดีจากไปยื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่น้องชายและเรียกร้องประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ที่บริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564  

“ในเดือนเมษายน 2565 องค์กรภาคประชาสังคมแห่งหนึ่งรายงานว่า ชื่อและรายละเอียดส่วนบุคคลของเธอปรากฏอยู่ในรายการเฝ้าระวังของกองกำลังความมั่นคงของไทย และเป็นไปได้ว่าจะส่งต่อให้ตำรวจท้องที่ ซึ่งอาจหมายความว่าเธออยู่ภายใต้การสอดส่องโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย” 

แอมเนสตี้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่ออกมารณรงค์ให้มีการสอบสวนการอุ้มหายน้องชายของเธอ โดยบุคคลไม่ทราบฝ่ายที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2563 ปัจจุบันยังไม่มีใครทราบชะตากรรมและที่อยู่ของเขา การดำเนินคดีกับสิตานันเป็นผลมาจากการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบของเธอเท่านั้น และกำลังขัดขวางการณรงค์เพื่อตามหาความเป็นธรรมให้กับน้องชายและครอบครัวของเธอ รวมทั้งกำลังขัดขวางการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนที่เข้มแข็งในประเทศไทยด้วย 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลจึงเชิญชวนสมาชิก นักกิจกรรม ผู้สนับสนุน ตลอดจนผู้ที่สนใจประเด็นสิทธิมนุษยชนเขียนจดหมายถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเรียกร้องให้ยุติข้อกล่าวหาทั้งหมดต่อสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และบุคคลอื่นที่ตกเป็นเป้าหมายของการใช้อำนาจฉุกเฉินและถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สำหรับการทำงานรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน และตรวจสอบรายงานที่ว่า เธออาจถูกสอดแนมโดยเจ้าหน้าที่รัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และให้หลักประกันว่าจะมีการนำร่างกฎหมายที่จะกำหนดโทษทางอาญาต่อการบังคับบุคคลให้สูญหายและการทรมานมาใช้โดยทันที และต้องสอดคล้องกับพันธกรณีของประเทศไทยตามกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศด้วย รวมถึงการยอมรับสิทธิของครอบครัวผู้เสียหาย ทั้งยังขอให้ทางการไทยสนับสนุนให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้ออำนวยให้นักปกป้องสิทธิมนุษยชนและบุคคลอื่นๆ ในภาคประชาสังคมสามารถใช้สิทธิที่ในเสรีภาพการแสดงออก การสมาคม และการชุมนุมโดยสงบ โดยไม่มีการข่มขู่ คุกคาม และการฟ้องร้องดำเนินคดี  

ลงชื่อรณรงค์ได้ที่นี่  https://bit.ly/3OLEJra 

ปฏิบัติการด่วน (ภาษาอังกฤษ) ดูได้ที่นี่ https://bit.ly/3NGglWB 

/// 

 

ข้อมูลเพิ่มเติม  

ปฏิบัติการด่วนของแอมเนสตี้คืออะไร? ทำไมต้องมี? 

‘ปฏิบัติการด่วน’ (Urgent Action) เป็นหนึ่งในวิธีการรณรงค์ที่สำคัญของ ‘แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล’ เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนทั่วโลก เช่น นักโทษทางความคิด นักปกป้องสิทธิมนุษยชน ผู้ที่ถูกทรมาน ผู้ที่ถูกบังคับให้สูญหาย ผู้ที่กำลังจะถูกประหารชีวิต ผู้ลี้ภัยที่เสี่ยงถูกส่งตัวกลับประเทศ และอื่นๆ 

ผู้ประสานงานในแต่ละประเทศจะรับปฏิบัติการด่วนจากสำนักงานเลขาธิการใหญ่ ณ กรุงลอนดอน แล้วกระจายไปยังสมาชิกเครือข่ายปฏิบัติการด่วน (Urgent Action Network) จากนั้นสมาชิกแต่ละคนจะเขียนจดหมาย อีเมล แฟ็กซ์ ข้อความ หรือแม้แต่โทรศัพท์ไปยังรัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกดดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อผู้ที่กำลังถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน 

ข้อมูลในปฏิบัติการด่วนของเรามีความเป็นกลาง น่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับในระดับสากล ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากการเสาะหาและตรวจสอบข้อมูลอย่างรัดกุม ตลอดจนมีความระมัดระวังอย่างมากในการนำเสนอข้อมูลสู่สาธารณะ  

ปฏิบัติการด่วนเป็นสื่อกลางที่ช่วยให้คนธรรมดาๆ สามารถมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนสามารถช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศได้จริงอีกด้วย 

นี่คือคลิปวิดีโออธิบายปฏิบัติการด่วน โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล สหราขอาณาจักร 

https://www.youtube.com/watch?v=BMplDIV1pAo