ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

เครือข่ายภาคประชาชน ฉะเชิงเทรา รณรงค์หยุดโครงการโรงไฟฟ้าฯ ตั้งเป้ารวบรวมรายชื่ออย่างน้อย 10,000 รายชื่อ

เครือข่ายภาคประชาชน ฉะเชิงเทรา รณรงค์หยุดโครงการโรงไฟฟ้าฯ ตั้งเป้ารวบรวมรายชื่ออย่างน้อย 10,000 รายชื่อ

12 November 2025

204

หยุดโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ หยุดเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชน

 

กลุ่ม Fossil Free Thailand ซึ่งเป็นการรวมตัวของชุมชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา เครือข่ายภาคประชาชน และองค์กรที่ทำงานด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่ยุติธรรมในประเทศไทย ร่วมกันรณรงค์ เรียกร้องให้รัฐบาลยุติโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเปิดให้ประชาชนทั่วประเทศร่วมลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้อง เพื่อยื่นต่อ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เพื่อให้มีคำสั่งยกเลิกโครงการดังกล่าว

กลุ่มผู้จัดรณรงค์ตั้งเป้าหมาย รวบรวมรายชื่ออย่างน้อย 10,000 รายชื่อ เพื่อสะท้อนเสียงของประชาชนที่ไม่ต้องการให้ภาครัฐเพิ่มภาระค่าไฟและความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมจากโครงการโรงไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น

 

โครงการ โรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ เดิมคือโรงไฟฟ้าถ่านหินเขาหินซ้อน ของบริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ NPS ซึ่งไม่สามารถเดินหน้าได้เพราะถูกคัดค้านจากชุมชนมานานกว่า 10 ปี ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และผลกระทบต่อเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ ต่อมาในปี 2562 โครงการได้เปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นก๊าซธรรมชาติ และเปลี่ยนชื่อเป็น บูรพาพาวเวอร์ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง NPS (65%) และบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (35%)

โรงไฟฟ้าดังกล่าวมีกำลังการผลิตตามสัญญา 540 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 127 ไร่ และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายน 2568 เพื่อจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2570 ตามแผน PDP2018

 

เหตุผลที่ควรยุติโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์

1. ไฟฟ้าล้นเกิน ไม่จำเป็นต้องสร้างเพิ่ม ประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้ามากกว่าความต้องการใช้จริงถึงกว่า 17,000 เมกะวัตต์ โดยเฉพาะภาคตะวันออกที่ผลิตไฟได้เกือบ 2 เท่าของความต้องการ และเฉพาะ จ.ฉะเชิงเทรา มีกำลังผลิตมากกว่า 5 เท่าของการใช้จริง การเพิ่มโรงไฟฟ้าใหม่จึงเป็นการลงทุนที่เกินจำเป็น และยิ่งเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชนทั่วประเทศ

2. ใช้น้ำมหาศาล เสี่ยงขาดแคลนและแย่งน้ำกับเกษตรกร จากรายงาน EIA พบว่าโครงการโรงไฟฟ้าบูรพาพาวเวอร์จะใช้น้ำสูงถึง 12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยสูบจากคลองระบม ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่ปัจจุบันมีการใช้น้ำเต็มศักยภาพอยู่แล้ว อาจกระทบต่อชุมชนและเกษตรกรรมในพื้นที่ลุ่มน้ำคลองระบม - คลองท่าลาด

3. ลิดรอนสิทธิประชาชนในที่ดินทำกิน การก่อสร้างระบบสายส่งไฟฟ้ายาวกว่า 14 กิโลเมตร ครอบคลุม 4 ตำบล 2 อำเภอของฉะเชิงเทรา ส่งผลให้ที่ดินทำกินของประชาชนกว่า 500 ไร่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำกิน ทั้งนาข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และยูคาลิปตัส ถูกเวนคืนและกระทบต่อชาวบ้านที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

4.เสี่ยงมลพิษกระทบสุขภาพและเกษตรอินทรีย์ การเผาไหม้ก๊าซธรรมชาติปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO) และไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO) ซึ่งส่งผลต่อพืชผลการเกษตร เช่น ข้าว มะม่วงน้ำดอกไม้ที่ถือเป็นพืชGI ของฉะเชิงเทรา และการเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนฯ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์เพียง 5.74 กิโลเมตร อีกทั้งยังเป็นสารตั้งต้นของฝุ่นพิษ PM 2.5

5. สวนทางเป้าหมายพลังงานสะอาดของประเทศ ขณะที่ประเทศไทยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ภายใต้แผน NDC 3.0 ที่ตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจก 109.2 ล้านตันภายในปี 2578 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 การสร้างโรงไฟฟ้าก๊าซใหม่อายุสัมปทาน 25 ปีจะยิ่งเพิ่มการปล่อยคาร์บอนและขัดต่อทิศทางพลังงานสะอาดที่ประเทศกำลังมุ่งไป

 

ร่วมลงชื่อสนับสนุน

หยุดโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์

หยุดเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชน

ลงชื่อร่วมสนับสนุนข้อเรียกร้องได้ที่:  burapa-power.justpow.co

 

 

 

ข้อมูลจาก: burapa-power.justpow.co

ภาพประกอบจาก:  หยุดโรงไฟฟ้าบูรพา & เดินหน้าเปลี่ยนผ่านพลังงานไทย

 

Recent posts