นนทบุรี, 2 ธันวาคม 2564 - เครือข่ายภาคประชาสังคม #NoCPTPP [1] ในฐานะตัวแทนจากประชาชนกว่า 400,000 เสียง[2] จัดงาน “ความฉิบหายจะมาเยือน Say No to CPTPP บอกแล้วไม่เอา CPTPP” ที่สวนชีววิถี-สวนผักคนเมือง ไทรม้า จังหวัดนนทบุรี เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับฟังเสียงของประชาชนที่คัดค้านการเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPP มานานกว่า 2 ปี โดยยกเลิกการพิจารณาเข้าร่วม CPTPP ซึ่งริดรอนสิทธิของประชาชนและตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในประเทศนี้ในทันที
ในขณะที่วันที่ 8 ธันวาคมที่จะถึงนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) เพื่อชงเรื่องให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณายื่นหนังสือแสดงความจำนงเข้าร่วมความตกลง CPTPP หรือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก ในวันในวันอังคารที่ 14 ธันวาคม 2564
กรรณิการ์ กิจติเวชกุล รองประธาน FTA Watch ตัวแทนจากเครือข่าย #NoCPTPP กล่าวว่า
“เครือข่าย #NoCPTPP ต้องการเห็นการตัดสินใจของรัฐบาลที่เห็นผลประโยชน์ของประชาชน เพราะการเข้าร่วมความตกลง CPTPP เป็นเพียงแผนยุทธศาสตร์ที่ขยายอำนาจของบรรษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ซึ่งต้องแลกกับการทำลายความมั่นคงทางอาหาร การล่มสลายของวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของชุมชนในประเทศไทย ตลอดจนการเข้าถึงยา การสาธารณสุขและระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศ อันเป็นผลจากการครอบงำของบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยและบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ของโลก”
ภายในงานประกอบด้วยการอ่านแถลงการณ์จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีเรื่อง “ถ้าไม่คืนความสุขให้ประชาชน ก็อย่าส่งความทุกข์ด้วยการเข้าร่วม CPTPP” พร้อมชมนิทรรศการ 4 ฐานความรู้ คือ 1.เมล็ดพันธุ์ รากฐานสังคม 2.ขยะนำเข้าทำลายคุณภาพชีวิต 3.ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ตาข่ายสังคม
4.นโยบายสาธารณะ คุ้มครองผู้บริโภค คุ้มครองประชาชน ซึ่งนิทรรศการดังกล่าวได้นำเสนอและสะท้อนปัญหา ข้อกังวลหลักในด้านต่าง ๆ หากประเทศไทยต้องเข้าร่วมความตกลง CPTPP
ข้อกังวลหลักหากประเทศไทยเข้าร่วมเป็นภาคีความตกลง CPTPP
- การเข้าร่วมเป็นภาคี CPTPP คือการยอมรับข้อตกลงที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาหลายฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาระหว่างประเทศเพื่อการคุ้มครองพันธุ์พืชใหม่ หรือ UPOV 1991ซึ่งตัดสิทธิพื้นฐานของเกษตรกรในการเก็บพันธุ์พืชไปปลูกต่อในฤดูกาลถัดไป แต่กลับเพิ่มสิทธิผูกขาดแก่บริษัทเมล็ดพันธุ์ในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผลผลิตและผลิตภัณฑ์จากเกษตรกรนอกเหนือจากค่าเมล็ดพันธุ์
- CPTPP จะทำให้ประเทศไทยต้องยอมรับการนำเข้าสินค้าที่ปรับสภาพเป็นของใหม่ หรือ remanufactured goods โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ และขยะพลาสติกและอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเป็นช่องทางให้เป็นการนำเข้าขยะทางการแพทย์ ขยะพลาสติก และขยะอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากขยะอิเล็กทรอนิกส์และขยะสารพิษ ที่ประเทศไทยเผชิญอยู่ให้หนักหน่วงขึ้นไปอีก
- CPTPP จะคุ้มครองการลงทุนให้นักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีบทที่ว่าด้วยการลงทุน ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชนฟ้องร้องรัฐบาล ถ้ารัฐบาลออกหรือบังคับใช้กฎหมายหรือนโยบายใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของนักลงทุนต่างชาติ แม้ว่าจะเป็นไปเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน โดยฟ้องร้องกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน (ISDS) ที่มีคณะอนุญาโตตุลาการนอกประเทศทำหน้าที่ตัดสิน ทั้งนี้ นิยามการคุ้มครองการลงทุนใน CPTPP กินความกว้างขวาง ซึ่งรวมถึง portfolio ของนักลงทุนต่างชาติที่อยู่ในระยะก่อนการลงทุน (pre-establishment) ที่ยังหรือไม่ได้มาลงทุนจริง ๆ ในประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยไม่เคยมีการคุ้มครองการลงทุนเช่นนี้มาก่อนการคุ้มครองการลงทุนและการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชนใน CPTPP จะส่งผลให้รัฐบาลต้องระงับการออกหรือบังคับใช้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของประชาชน และชดเชยค่าเสียหายจำนวนมหาศาลให้กับนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชน โดยใช้เงินภาษีของประชาชนจ่าย ยิ่งไปกว่านั้น ยังจะก่อให้เกิดสภาวะหวาดกลัวหรือ Chilling effect ทำให้รัฐบาลไม่กล้าที่จะออกหรือบังคับใช้กฎหมายใด ๆ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของประชาชนในเรื่องสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การเข้าถึงยา และการคุ้มครองผู้บริโภค เพราะกลัวจะถูกฟ้องโดยนักลงทุนต่างชาติที่เป็นเอกชน รวมทั้งอาจทำให้ไม่สามารถปรับปรุงกฎหมายและนโยบายที่ส่งผลอย่างไม่เป็นธรรมต่อคนในประเทศได้ และอาจขัดต่อมาตรการควบคุมยาสูบตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคี ซึ่งนี่สวนทางกับเป้าประสงค์ที่ 10.3 ที่มุ่งลดผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมจากนโยบายและกฎหมาย ภายใต้เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน-SDG 10 ที่ว่าด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ
- ข้อบทใน CPTPP ที่เกี่ยวข้องกับระบบทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ สินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภค จะก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อระบบสุขภาพและการสาธารณสุขของประเทศไทย เนื่องจากจะทำให้ยารักษาโรคแพงขึ้นอย่างมหาศาล เพราะประเทศต้องพึ่งพายานำเข้าและมีสิทธิบัตรเพิ่มขึ้นจาก 71% ในปัจจุบัน เป็น 89% และอุตสาหกรรมผลิตยาในประเทศจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลงมากกว่า 100,000 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศที่สูงขึ้นย่อมส่งผลต่อระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งสามระบบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งเหล่านี้คือผลกระทบต่องบประมาณค่ายาเท่านั้น CPTPP ยังจะก่อให้เกิดปัญหาที่รัฐบาลจะไม่สามารถกำหนดและบังคับใช้กฎหมายเพื่อส่งเสริมการนำเข้ายา เช่น มาตรการใช้สิทธิโดยรัฐ และมาตรการป้องปรามการบริโภคสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างเหล้าและบุหรี่ด้วย รวมไปถึงการจำกัดสิทธิของผู้บริโภคในเรื่องความปลอดภัยของสินค้า เช่น เครื่องสำอาง สินค้าที่ซื้อขายผ่านระบบออนไลน์ สินค้าที่มีส่วนผสมหรือปนเปื้อนสิ่งที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรมหรือ GMO ฯลฯ
เครือข่าย#NoCPTPP เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยุติการพิจารณานำ CPTPP เข้ามติคณะรัฐมนตรี และยุติการเข้าร่วมความตกลง CPTPP อย่างถาวรในทันที
หมายเหตุ
[1] เครือข่ายภาคประชาสังคม #NoCPTPP ประกอบด้วย
- FTA Watch
- มูลนิธิชีววิถี
- กรีนพีซ ประเทศไทย
- มูลนิธิเข้าถึงเอดส์
- เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย
- เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก 4 ภาค
- มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย)
- กลุ่มศึกษาปัญหายา
- ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา
- มูลนิธิสาธารณสุขกับการพัฒนา
- มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์
- มูลนิธิบูรณะนิเวศ
- มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค
- มูลนิธิสุขภาพไทย
- เครือข่ายเฝ้าระวังธุรกิจสุรา
- เครือข่ายงดเหล้า
- TUNONICOTINE
- โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่
- กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา
- เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่
- กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ (คัดค้านเหมืองโปแตชและโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.ชัยภูมิ)
- กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน (คัดค้านเหมืองทองคำ ต.เขาหลวง อ.วังสะพุง จ.เลย)
- กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส (คัดค้านการขุดเจาะสำรวจแร่โปแตช อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร)
- กลุ่มรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองหินทราย ต.คำป่าหลาย อ.เมือง จ.มุกดาหาร)
- กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได (คัดค้านการทำเหมืองหิน ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู)
- กลุ่มรักษ์บ้านแหง (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์ ต.บ้านแหง อ.งาว จ.ลำปาง)
- กลุ่มรักษ์ลำคอหงษ์ (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองโปแตช อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา)
- กลุ่มคนเหล่าไฮงามไม่เอาเหมืองแร่ (คัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองทรายแก้ว ต.เหล่าไฮงาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์)
- สมาคมพิทักษ์สิทธิชุมชนเขาคูหา (คัดค้านการทำเหมืองหินปูน ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา)
- สมัชชาคนจน
- เครือข่าย People Go Network
- คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.)
- มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)
- เครือข่ายบริการเพื่อความเท่าเทียมและเป็นธรรม We Fair
- เครือข่ายประชาชนเพื่อรัฐสวัสดิการ (WWN)
[2] ประชาชนกว่า 400,000 คนร่วมลงชื่อคัดค้านผ่านช่องทางออนไลน์ของ Greenpeace Thailand’s petition และ Change.org/NoCPTPP
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
กรรณิการ์ กิจติเวชกุล FTA Watch โทร 0895003217
สมฤดี ปานะศุทธะ กรีนพีซ ประเทศไทย โทร. 081 929 5747 อีเมล spanasud@greenpeace.org