( ขอบคุณภาพ ผู้จัดการออนไลน์ : https://mgronline.com/around/detail/9640000095533 )
ข่าวเช้านี้ ( 14 ตค.64) เป็นข่าวกรอบไม่ใหญ่นัก รายงานว่า สหประชาชาติ (UN) รายงานเรื่อง ที่นานาประเทศยุติการขายอาวุธให้เมียนมา เพื่อตอบโต้การรัฐประหารและการใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วง พร้อมกับเรียกร้องให้เมียนมาปล่อยตัวผู้ต้องขังทางการเมือง ซึ่งรวมถึง ออง ซาน ซูจี ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง”
เป็นข่าวที่น่าสนใจมากสำหรับผม เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศพม่ากำลังเข้าสู่ภาวะส่งครามกลางเมือง ระหว่างประชาชนชาวพม่าที่เรียกร้องประชาธิปไตย กับ กองทัพพม่า และกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ กับรัฐบาลทหาร การต่อสู้เริ่มลุกลามไปทุกหัวเมือง มีการปะทะกันไปทั่วประเทศ นับว่า ประเทศพม่า ยังกลับมาสู่วังวน การเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และการสังหารผู้บริสุทธิ์ อีกครั้ง และแน่นอน นี่คือสิ่งที่กองทัพพม่าเคยทำมาแล้วกับประชาชนตนเอง เมื่อในอดีต ซึ่งไม่นานเลย
การที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ( UN) มีท่าที และ พยายามดึงความร่วมมือจากนานาชาติให้ทำการ แซงชั่น เรื่องการสนับสนุนอาวุธ ถือว่า เป็นไปตามบทบาทหน้าที่ในการรักษา สันติภาพในภูมิภาคนี้ เพราะโลกปัจจุบันกระแส ความต้องการประชาธิปไตยในหมู่ประชาชน ได้กลายเป็นกระแสหลักของโลก ที่ประชาชนเรียกร้องต่อรูปแบบการปกครอง
“มติดังกล่าวได้รับเสียงสนับสนุนจาก 119 ประเทศ โดยเบลารุสเป็นประเทศเดียวที่โหวตคัดค้าน ขณะที่อีก 36 ประเทศงดออกเสียง รวมถึงรัสเซียและจีน ซึ่งเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดให้แก่กองทัพเมียนมา บางประเทศที่งดออกเสียงให้เหตุผลว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องภายในของเมียนมา ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งระบุว่า มติดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงการปราบปรามที่โหดร้ายต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาเมื่อ 4 ปีก่อน ซึ่งทำให้ประชาชนเกือบล้านคนต้องหนีออกนอกประเทศ”
ผู้นำยูเอ็นยังกล่าวในภายหลังอีกว่า “เราต้องไม่ยอมรับ” ว่า การรัฐประหารเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น ประเทศไทยใดก็ตามที่ทำการรัฐประหาร ละเมิดสิทธิ เสรีภาพ ประชาชน และ ปฏิเสธระบอบระบอประชาธิปไตย จะต้องถูกประชาคมโลกประณาม และทำให้ถูกโดดเดี่ยวจากประชาคมโลก
ความน่าตกตะลึงพรึงเพริศ คือ ประเทศไทย เป็นในประเทศที่ “งดออกเสียง” และเมื่อมาคลี่ความจริงระหว่าง 2 ประเทศนี้ กลับไม่น่าแปลกใจเลย คือ เป็นประเทศที่วนเวียน รัฐประหารซึ่งนำโดยกองทัพ เป็นประเทศที่ ชนชั้นนำบางกลุ่ม ร่วมมือกับทหารเกาะกุมผลประโยชน์ อำนาจ และแบบแผนนโยบาย ทั้งภายในภายนอกประเทศ และที่ร้ายกาจกว่านั้น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐประหาร และผู้นำรัฐบาลไทย ในปัจจุบัน กับ นายพล มิน อ่อง หล่าย ผู้นำเผด็จการพม่า มีความใกล้ชิดสนิทสนมกัน
แต่ที่น่าเศร้าคือ ประชาชนชาวพม่า ณ วันนี้ ตื่นตัว ลุกขึ้นปะทะ ต่อสู้ เคลื่อนไหว ไปทั่วแผ่นดิน การสู้รบ สงครามความรุนแรง ด้วยการจับอาวุธขึ้นสู้ เพื่อตอบโต้กับความเหี้ยมโหดของกองทัพพม่า เพื่อสิทธิเสรีภาพ เพื่อประชธิปไตย และเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เป็นประชาชนชาวเมียนร์ม่า ย้อนกลับมาไทย ยังคงเห็นแค่ภาพเด็กๆ เยาวชน คนหนุ่มสาว ที่เผชิญหน้ากับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร อย่างโดดเดี่ยว ลำพัง ท่ามกลางความย่ำแย่ในทุกๆ เรื่อง จากน้ำมือรัฐบาล ที่นำโดยพละเอกประยุทธ จันทร์โอชา อดีตผู้นำรัฐประหาร คนล่าสุด...