Back

ชัยชนะของฏอลิบาน มองย้อนบทเรียน

30 August 2021

1518

ชัยชนะของฏอลิบาน มองย้อนบทเรียน

ขอบคุณภาพข่าว จาก www.thairath.co.th

 

“การพิชิตนครมักกะฮ์ของนบี”

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

 

Shukur2003@yahoo.co.uk

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

 

ภาพข่าวที่สื่อทั่วโลกรายงานสดนักรบฏอลิบานเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดีของอัฟกานิสถานยึดอำนาจรัฐบาลหุ่นเชิดอเมริกา(ตามทัศนะฏอลิบาน) เมื่อ วันอาทิตย์ 15 สิงหาคม 2564 แล้วอ่านอัลกุรอาน ซูเราะห์ ที่ 111 อัลนัสร์ (แปลว่าความช่วยเหลือ) 

سورة النصر

มีสามโองการดังนี้

آية: 1

إِذَا جَآءَ نَصۡرُ ٱللَّهِ وَٱلۡفَتۡحُ

[110.1] เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮฺ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว

آية: 2

وَرَأَيۡتَ ٱلنَّاسَ يَدۡخُلُونَ فِي دِينِ ٱللَّهِ أَفۡوَاجٗا

[110.2] และเจ้าได้เห็นประชาชนเข้าในศาสนาของอัลลอฮฺเป็นหมู่ๆ 

 

آية: 3

فَسَبِّحۡ بِحَمۡدِ رَبِّكَ وَٱسۡتَغۡفِرۡهُۚ إِنَّهُۥ كَانَ تَوَّابَۢا

[110.3] ดังนั้น จงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์

 

(ฟังและดูคลิปย้อนหลังใน

https://www.facebook.com/1245604111/posts/10226560774346005/?d=n)

การอ่านอัลกุรอานซูเราะห์ ดังกล่าวข้างต้นทำให้นึกถึงการพิชิตนครมักกะฮ์ของนบีมุฮัมมัดและฏอลิบาน เองก็คงส่งสัญญาณบางอย่างต่อประชาคมโลกโดยเฉพาะมุสลิม

สำหรับการพิชิตนครมักกะฮ์ของนบีมีรายละเอียดดังนี้

 

#1.สาเหตุของการพิชิตนครมักกะฮ์ของนบีมุฮัมมัด

 

          หลังจากที่ได้ทำข้อตกลงประนีประนอม ณ �ฮุดัยบียะฮ์� 18  เดือน  จึงเกิดสงครามระหว่างเผ่าคุซาอะฮ์ซึ่งเป็นมิตรของมุสลิม กับเผ่าบนีบักร์ ซึ่งร่วมกับชาวกุเรช โดยพวกกุเรชเข้ามาแทรกแซงและให้การสนับสนุนในการทำสงคราม แต่ตามเงื่อนไขของสนธิสัญญาประนีประนอมที่ฮุดัยบียะฮ์ได้บ่งบอกไว้ว่า  �การละเมิดใดๆก็ตามที่มีต่อมิตรของมุสลิม ให้ถือว่าเป็นการละเมิดสนธิสัญญาที่ได้ทำกันไว้�  เพราะฉะนั้นจึงถือว่ากุเรชได้ทำผิดสนธิสัญญาประนีประนอม ด้วยเหตุนี้ท่านเราะซูล (นบีมุฮัมมัด)ให้ความช่วยเหลือเผ่าคุซาอะฮ์ ทันทีที่พวกเขาร้องขอความช่วยเหลือมา

บรรดามุสลิมได้เคลื่อนทัพสู่นครมักกะฮ์ และทำการพิชิตนครมักกะฮ์

 

          พวกกุเรชรู้สึกเสียใจต่อการเข้าไปรุกรานมิตรของท่านเราะซูล จึงส่งอบูซุฟยานไปหาเพื่อยืนยันในข้อตกลงสงบศึก  แต่ได้รับความล้มเหลวในการเจรจา อบูซุฟยานจึงเดินทางกลับมักกะฮ์อย่างผู้ผิดหวัง ท่านเราะซูล ได้มีคำสั่งให้บรรดาซอฮาบะฮ์(อัครสาวกศาสนฑูต)เตรียมพร้อมเพื่อออกเดินทาง โดยที่มิได้แจ้งให้ทราบถึงทิศทางที่จะไป จนเมื่อกำหนดเวลามาถึง ท่านเราะซูล ได้แจ้งให้บรรดาซอฮาบะฮ์ทราบถึงความประสงค์ที่จะไปทำสงครามที่นครมักกะฮ์ ท่านต้องการจู่โจมพวกกุเรชอย่างกระทันหันไม่ให้ระวังตัว เพื่อจะได้ยอมจำนนโดยไม่มีการต่อสู้กัน

 

          บรรดามุสลิมได้ออกเดินทางไปกับท่านเราะซูล ในวันที่ 10 เดือนรอมฎอน ปีที่ 8 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช  มีจำนวนทั้งสิ้น 10,000 นาย    เมื่อบรรดามุสลิมเดินทางเข้ามาใกล้นครมักกะฮ์  มีผู้นำกุเรช อบูซุฟยานได้มองเห็นกองกำลังของมุสลิมในขณะที่กำลังลาดตระเวนอยู่  จึงรีบเดินทางกลับเข้ามักกะฮ์ เพื่อเรียกร้องให้ชาวมักกะฮ์ยอมจำนน และห้ามมิให้ทำการต่อต้านใดๆ   ท่านเราะซูล ได้กระจายกองกำลังเข้านครมักกะฮ์  และห้ามมิให้สังหารผู้ใด เว้นแต่มีคนต่อสู้ขัดขวางและสังหารมุสลิมก่อน มุสลิมจึงได้รับความสำเร็จในการเข้าสู่นครมักกะฮ์  ทันทีที่ท่านเราะซูล เข้าไปในนครมักกะฮ์ ท่านได้ประกาศให้ความปลอดภัยแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านเรือนของตน และใครก็ตามที่เข้าไปในบ้านของอบูซุฟยาน เขาผู้นั้นจะได้รับความปลอดภัย ผู้ใดวางอาวุธเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดภัยเช่นกัน

 

          ท่านเราะซูล เข้าในนครมักกะฮ์อย่างสำรวมนอบน้อมต่อพระผู้เป็นเจ้า ท่านมิได้เข้าไปเหมือนดังกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือต้องการจะทำการแก้แค้นศัตรู ทั้งๆที่มุสลิมได้ประสบกับความเจ็บปวด การถูกทำร้าย ถูกรังแก จากชาวมักกะฮ์มากมายทั้งก่อนและหลังการอพยพ ท่านเราะซูล ได้ประกาศต่อหน้ากลุ่มชนชาวกุเรชที่อยู่ในสภาพกระวนกระวายใจว่า :

 

          �ท่านทั้งหลายคิดว่าฉันจะทำอย่างไรกับพวกท่าน ?� 

 

พวกเขากล่าวว่า :

 

          �ท่านจะต้องทำในสิ่งที่ดีแน่ ๆ เพราะท่านเป็นคนมีเมตตา และเป็นลูกของคนมีเมตตา�

 

ท่านเราะซูล  กล่าวว่า :

 

          ((لا تثريب عليكم اليوم يغفر الله لكم ))

  

          �วันนี้ ไม่มีการตำหนิติเตียนต่อพวกท่านแต่ประการใด เพราะอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกท่าน� (*1*) 

 

          ท่านเราะซูล ได้ให้อภัยแก่ชาวมักกะฮ์ เว้นแต่คนที่ทำผิดข้อสัญญาและข้อตกลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขายังล่วงละเมิดด้วยการเยาะเย้ยถากถางท่าน และศาสนาของอัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ท่านจึงสั่งให้ฆ่าพวกเหล่านั้น และได้ทำลายรูปบูชารูปปั้นทั้งหมด และชำระล้างมัสญิดฮะรอมให้สะอาด บริสุทธิ์จากรูปบูชาเหล่านั้น ท่านเราะซูลได้ส่งซอฮาบะฮ์ไปทำลายรูปบูชาของเผ่าอื่นๆด้วย การพิชิตนครมักกะฮ์ และการให้อภัยชาวมักกะฮ์ทั้งหมด ทำให้พวกเขาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม การต่อต้านจึงได้ยุติลง

#2.ผลสำเร็จของการพิชิตมักกะฮ์

 

          การพิชิตมักกะฮ์เป็นการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายกับพวกปฏิเสธชาวกุเรช และด้วยการยอมจำนน ทำให้อุปสรรคที่กีดขวางแนวทางของอิสลามต้องหมดสิ้นไป มีชนเผ่าต่างๆ คิดว่าจะต้องมีการต่อสู้ระหว่างมุฮัมมัดกับพวกกุเรชเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เมื่อการต่อต้านของพวกกุเรชยุติลงแล้ว และพวกเขาได้เข้ารับอิสลาม ชนเผ่าอื่นๆจึงทยอยกันเข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม (*2*)

 

ในกรณีนี้ อัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานซูเราะฮ์ อันนัศร์ ลงมา ;

 

 

          เมื่อความช่วยเหลือของอัลลอฮ์ และการพิชิตได้มาถึงแล้ว

 

           และเจ้า(มุฮัมมัด)ได้เห็นประชาชนเข้ารับศาสนาของอัลลอฮ์กันเป็นหมู่ๆ

 

           ดังนั้นจงแซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า และจงขออภัยโทษต่อพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษเสมอ  

 

          (อันนัศร์ 110 : 1-3)

 

          สิ่งที่แสดงว่ามีผู้คนเข้ารับศาสนาอิสลามกันเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ได้พิชิตมักกะฮ์แล้ว ในสงครามฮุนัยน์ ซึ่งเกิดขึ้นหลังการพิชิตมักกะฮ์ ได้มีนักรบเข้าร่วมในสงครามถึง 12,000 นาย (*3*)

เผ่าซะกีฟสรรหาผู้นำในการทำชิริก �การตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ซุบฮานะฮูวะตะอาลา�

 

          ชนเผ่าซะกีฟ ซึ่งเป็นเผ่าใหญ่ของเผ่าฮะวาซิน พยามทำหน้าที่เป็นหัวหน้าขบวนการทำชิริก ปกป้องคุ้มครองการทำชิริก และสู้รบกับบรรดามุสลิมแทนเผ่ากุเรช ด้วยเหตุนี้หลังจากที่ได้พิชิตมักกะฮ์แล้วกองกำลังมุสลิมจึงมุ่งหน้าไปปราบปราม และได้สู้รบกันที่สมรภูมิ �ฮุนัยน์� 

 

          การปะทะกันครั้งแรกพวกฮะวาซิน มีทหารถึง 20,000 นาย พวกเขาจึงได้เปรียบในการต่อสู้ แต่การต่อสู้ในครั้งที่สองมุสลิมกลับเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ทำให้เผ่าซะกีฟและเผ่าอื่น ๆ เช่น จากเผ่าฮะวาซินต้องพ่ายแพ้ไปด้วย มุสลิมจึงได้ทรัพย์เชลยมากมายจากสมรภูมิครั้งนั้น 

 

          การพ่ายแพ้ของพวกเผ่าซะกีฟในสมรภูมิ  �ฮุนัยน์� ถือว่ายังไม่ยุติ  ท่านเราะซูล ได้มุ่งหน้าไปยัง �ฏออิฟ�  และใช้เวลาปิดล้อมพวกเขาไว้ระยะหนึ่ง ต่อมา ท่าน ได้เดินทางกลับมะดีนะฮ์ เมื่อเผ่าซะกีฟ เห็นว่าผู้คนที่อยู่บริเวณรอบๆได้เข้ารับอิสลามทั้งหมดแล้ว พวกเขาจึงเข้ารับอิสลามเหมือนกับคนอื่น ๆ พวกเขาได้เดินทางมายังเมืองมะดีนะฮ์ ในปีที่ 9 แห่งฮิจญ์เราะฮ์ศักราช เพื่อประกาศการเข้ารับอิสลาม  (*4*)

เมื่อกลับไปดูแถลงการณ์ 13  ข้อของขบวนการฏอลิบานเมื่อยึดเมืองคาบูล

“ผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเอมิเรตส์อิสลามควรดำเนินชีวิตตามปกติโดยเฉพาะหน่วยงานราชการ (ด้านการศึกษา สุขภาพ สังคม และวัฒนธรรม) พวกท่านไม่ควรออกจากพื้นที่นี้คือประเทศของเขา พวกเขาควรดำเนินชีวิตตามปกติเพราะประชาชนและประเทศชาติต้องการบริหารและพัฒนาด้วยความสามาร ถ ของท่าน อัฟกานิสถานเป็นบ้านสำหรับทุกคน และเราจะช้วยกันและสร้างมันไป

พร่อมกัน จะไม่ยึดทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ใด (ไม่ใช่รถยนต์ ที่ดิน บ้าน ตลาด และร้านค้า) แต่ถือว่าการปกป้องเงินและชีวิตของผู้คนเป็นความรับผิดชอบอย่างหนึ่งของเรา จะรับประกันในชีวิต ทรัพย์สิน และเกียรติยศ กำชับทหาร

หรือมูจาฮิดีนของตนจะไม่ให้เข้าไปในบ้านของใครโดยไม่ได้รับอนุญาต (โปรดดู https://al-ain.com/article/afghanistan-taliban-control-map)

#อะไรคือความท้าทายหลังจากนี้ภายใต้รัฐบาลใหม่

 

ความท้าทายหลังจากนี้สำหรับการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลใหม่มีสองปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลใหม่จะสามารถเดินต่อได้หรือไม่อย่างไร

หนึ่งภายในประเทศ บรรยากาศทางการเมืองภายในประเทศที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของกลุ่มและการได้มาของรัฐบาลครั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผ่านด้วยการต่อสู้ทางอาวุธ ซึ่งฏอลีบานจะใช้สันติวิธี อย่างไรตามที่ประกาศแถลงการณ์(ในเชิงประจักษ์ไม่ใช่ทฤษฎีสวยหรู)โจทย์ใหญ่ คือการให้โอกาสในการมีส่วนร่วม ทางการเมือง ร่วมออกออกแบบประเทศใหม่ รวมทั้งจะต้องไม่บีบคั้น กดขี่ ข่มเหง ทำร้าย ใช้ความรุนแรงและสร้างความหวาดกลัว ให้ประชาชนที่เห็นต่างจากฏอลิบานหรืออาจจะเห็นต่างหลักกฎหมายอิสลามให้มีพื้นที่กลางปลอดภัยที่ได้ถกแถลงทางวิชากการอย่างมีอารยะอันอาจเป็นผลทางตรงและทางอ้อมต่อสันติภาพ อีกประการคือขุนศึกที่ร่วมรบจะรับประกันอย่างไรที่พวกเขาจะสามารถปฏิบัติตามเจตนารมณ์ในแถลงการณ์ เพราะในอดีตเชิงประจักษ์หลังขุนศึกมุญาฮิดีนชนะสหภาพโซเวียตกลับแบ่งสันปันส่วนอำนาจเพื่อตนเองและพวกพ้อง

 

สองปัจจัยภายนอกประเทศ 

นโยบายของตะวันตกภายใต้การนำของอเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย ปากีสถาน อินเดียอิหร่าน โลกอาหรับ และขบวนการอิสลาม

ดังนั้นขอให้องค์กรภายนอกโดยเฉพาะมหาอำนาจเลิกแทรกแซงกิจการภายในประเทศอัฟกานิสถาน ด้วยความหวังดี “คำว่าสันติภาพ” ซึ่งตลอด 40 กว่าปีเป็นเวลามากพอแล้วที่ชาวโลกได้พิสูจน์ ปล่อยให้ชาวอัฟกานิสถานแม้จะหลากหลายกลุ่ม และแนวคิดได้ร่วมออกแบบอนาคตของเขาสักครั้ง

สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการนำหลักการอิสลามมาใช้เป็นกฎหมายประเทศซึ่งผู้นำฏอลิบานยืนยันต่อหน้าสื่อหลายครั้งว่าเป็นหลักการอิสลามสายกลางที่ไม่เหมือนกับปกครองประเทศเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว

..........

1. อบู อุบัย: บทที่ว่าด้วยเรื่องของ �อัลอัมวาล� (ทรัพย์สิน) เล่ม 1 หน้า 202       ซีเราะฮฺอิบนิ ฮิชาม เล่ม 4 หน้า 32 ในซีเราะฮฺ มีข้อความว่า �พวกท่าน         ทั้งหลายจงไปได้แล้ว พวกท่านเป็นผู้มีอิสระเสรี�     และดูในตัครีจตุรุก �การระบุถึงสายรายงานฮะดีษและการตรวจสอบสายรายงาน� ที่มาของเรื่องนี้ ของมะฮฺดีย์ ร่อซะกั้ลลอฮฺ  อัซซีเราะฮฺ  อันนะบะวียะฮฺ หน้า 569 และได้กล่าวไว้หลังจากได้ระบุไว้ในรายงานต่าง ๆ แล้วว่า   ฮะดีษนี้มีน้ำหนักเชื่อถือได้ด้วยสายสืบนี้

2.ดูจากซ่อฮีฮุลบุคอรีย์ : บทที่ว่าด้วยเรื่องสงคราม/ภาคพิชิตมักกะฮฺ ฮะดีษที่ 4302 ในหนังสือ อัลฟัตฮฺ อัรร็อบบานีย์    เล่ม  8  หน้า 22

3.

ซีเราะฮฺ อิบนิ   ฮิชาม : ตารีค ค่อลีฟะฮฺ  อิบนิ คอยยาฏ   หน้า 88  ฏ่อบาก็อต อิบนิ ซะอ์ดิ  เล่ม 2 หน้า 154 -155 และดู อัลอุมะรีย์ อัซซีเราะฮฺ อันนะบะวียะฮฺ อัซซอฮีฮะฮฺ   เล่ม 2 หน้า 496.

4.สงคราม �ฮุนัยนฺ� และการปิดล้อมฏออิฟไว้    ดู อัลบุคอรีย์ อัลมะฆอซีย์ บทดำรัสของอัลลอฮฺซุบฮานะฮูวะตะอาลา ที่ว่า : 

(( وَيَوْمَ حُنَيْن إِذْ أَعْجَبَتْكُمْ كَثْرَتكُم )) �และในวันแห่งสงคราม �ฮุนัยนฺ� ด้วยขณะที่การมีจำนวนมากของพวกเจ้าทำให้พวกเจ้าชะล่าใจ� หน้า 54 และบทสงคราม อัฏฏออิฟ หน้า 56 ซีเราะฮฺ อิบนุ ฮิชาม เล่ม 4หน้า 65,127 .

หมายเหตุผู้เขียนคัดลอกประวัติศาสตร์การพิชิตมักกะห์ใน

http://xn--www-dkla5b4ewgyc8b.islamore.com/

About Us

เว็บไทยเอ็นจีโอ สนับสนุนการใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์และเผยแพร่แนวคิดวัฒนธรรมเสรี เนื้อหาในเว็บไซต์ไทยเอ็นจีโอดอทโออาจี ท่านสามารถเอาไปใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงท่านระบุที่มาและห้ามทำการค้า

ThaiNGO Team

ติดต่อประสานงาน - Contact
Tel : 099-014-3797

ทศพร แกล้วการไร่ : ผู้ดูแลเว็บ - Webmaster
Tel : 080-078-4016

อัฎธิชัย ศิริเทศ : บรรณาธิการ - Editor
Tel : 082-178-3849

Email : webmaster@thaingo.org

Office Hours : Mon-Fri , 9.00-17.00

Contact Info

2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310

2044/23 New Phetchaburi Road, Bangkapi, Huai Khwang, Bankok 10310

+662 314 4112