ต้องยอมรับว่า ณ ขณะนี้ ชาวโลกกำลังตระหนกและหาหนทางรับมือกับโรคระบาดตัวใหม่ ที่ชื่อ Covid 19 กันจ้าละหวั่น ปรากฏการณ์ของวิวัฒนาการเชื้อโรคต่างๆ ที่พัฒนาตัวเองเบียดแทรกเข้ามาทำร้ายมนุษย์โดยยังหาทางรักษาและป้องกัน แบบทันท่วงทีไม่ได้ หลายประเทศถึงขนาดยอมให้ประชาชนของตนตาย บางส่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่งบางส่วน
ในขณะที่ไทย ก็พยายามทุกวิถีทาง ในการรับมือ ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ระส่ำระสาย ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ทิศทาง ว่าจะคุมเข้ม หรือ ผ่อนปรน ไม่มีการประเมินศักยภาพโดยรวมของกำลังภาครัฐในการรับมือ ออกมาตรการไปตามกระแส โดยไม่มีการเตรียมการรองรับผลที่จะตามมา อาทิ การกักตัว ของนักท่องเที่ยว หรือ กรณีประชาชนที่กลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง ทำให้การควบคุมไม่มีประสิทธิผล มีหลุดรอด ระบาด ลุกลาม จนสุดท้ายก็ปล่อยตามยถากรรม
แต่เมื่อกระแสประชาชนเรียกร้อง วิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วง ถึงความได้ประสิทธิผลในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสมรณะ ซึ่งในขณะที่เกือบทั่วโลกกำลังจริงจัง ทุ่มเทและมีมาตรการหลายระดับ ทำให้หลายส่วนได้พุ่งมามองพื้นที่ตัวเอง อย่าง บุรีรัมย์ อุทัยธานี ที่ประกาศปิดเมือง คุมเข้มการเข้าออกของประชาชนในพื้นที่ สะท้อนถึงความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาโดยภาพรวมของรัฐบาล
สถานการณ์ตอนนี้ อยู่ในระดับพื้นที่จะเอายังไงกับตัวเอง ซึ่งก็น่าจับามอง กระนั้น ก็อดห่วงไม่ได้ว่า มาตรการหลายมาตรการกระทบเศรษฐกิจ ปากท้อง ประชาชนอย่างหนัก การมีแผนสำรอง เยียวยา ปกป้อง ความเสียหาย ยากแค้นของประชาชนจึงจำเป็น สำคัญ และเร่งด่วนมาก อย่างกรณี ปิดตลาดนัด ซึ่งเป็นพื้นที่ชีวิตประจำวันของประชาชนที่ต้องพึ่งพาอาหาร ของกินของใช้ ประจำวัน การปิดตลาดนัด จึงเป็นมูลเหตุสร้างความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าดังนั้น การเฝ้าระวัง คอยเยียวยา หาทางออก ต้องไม่ละเลย เพราะประชาชนไม่ได้ตายด้วยไวรัส เท่านั้น แต่อาจจะตายเพราะความหิวโหย แทน
ณ ห้วงเวลานี้จึงเป็น ห้วงเวลาของการจับตามองฝีมือ ทั้งภาคราชการและการเมือง ว่าจะมีฝีมือ วิสัยทัศน์ ความสามารถในการนำพาประชาชนให้หลุดพ้นทุกข์ภิขภัยได้แค่ไหน...
ขอพระเจ้าอวยพร ประชาชนคนไทย ด้วยครับ