31 January 2016
895
เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๙ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนราธิวาส ได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๔๓/๒๕๕๘ ในข้อหา “สมคบกันก่อการร้าย ร่วมกันก่อการร้ายโดยการสะสมกำลังพลอาวุธ อั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมกันมีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย” โดยพิพากษายกฟ้อง คดีระหว่างพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา ๒ ภาค ๙ โจทก์ กับเยาวชนไทยพุทธคนหนึ่ง คดีนี้พนักงานอัยการได้ยื่นคำฟ้องจำเลยต่อศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งจำเลยในคดีนี้ถูกควบคุมตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนราธิวาส มาโดยตลอดระหว่างการพิจารณาคดี สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าปฏิบัติการตามยุทธการพิทักษ์เทือกเขาตะเว แล้วเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบซึ่งหลบหนีไปได้ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดอุปกรณ์สำหรับเตรียมก่อความไม่สงบและเครื่องอุปโภคบริโภคได้กว่า ๖๐๐ รายการอันเป็นเหตุนำมาซึ่งการตรวจพิสูจน์สารพันธุกรรม (DNA) และจากวัตถุพยานบางรายการ โจทก์อ้างว่าตรงกับ DNA ของจำเลย คดีนี้โจทก์นำพยานเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดปฏิบัติการในวันเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และพนักงานสอบสวนชุดตรวจสถานที่เกิดเหตุ เข้าสืบตั้งแต่วันที่ ๑๖, ๑๗ และ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๘ รวมทั้งสิ้นจำนวน ๙ ปาก ในส่วนของจำเลยนั้น จำเลยปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด อ้างตนเองเป็นพยานเข้าสืบ และได้นำเอกสารผลการตรวจสารพันธุกรรม (DNA) ซึ่งเป็นข้อมูลผลการตรวจในฐานข้อมูลจากศูนย์พิสูจน์หลักฐาน ๑๐ ปรากฏว่า ผลสารพันธุกรรมของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นแบบเดียวกันกับสารพันธุกรรมที่พบในวัตถุพยานที่โจทก์กล่าวอ้าง เป็นการพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์ของจำเลยว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้แต่อย่างใด จนกระทั่งศาลชั้นต้น (ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดนราธิวาส) ได้มีคำพิพากษายกฟ้องในวันนี้ ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายอับดุลเลาะห์ หะยีอาบู ทนายความมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ๐๘๙-๐๗๕๖๙๘๗ นายปรีดา นาคผิว มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ๐๘๙-๖๒๒๒๔๗๔