23 December 2025
5744
ชาวบ้านเชียงหวางยื่น กมธ.วุฒิสภา คัดค้านโรงไฟฟ้าขยะ อบจ.อุดรฯ ชี้โครงการขนาดใหญ่ใกล้ชุมชน เสี่ยงกระทบแหล่งน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ และโบราณสถาน
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 กลุ่มอนุรักษ์บ้านเกิดตำบลเชียงหวางไม่เอาโรงไฟฟ้าขยะตำบลเชียงหวาง อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี พร้อมตัวแทนจากมูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อมเข้ายื่นหนังสือต่อ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภา เพื่อคัดค้านและขอให้ตรวจสอบโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะมูลฝอยชุมชนในพื้นที่ตำบลเชียงหวาง ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้าต่อคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
การยื่นหนังสือดังกล่าวมีนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการฯ พร้อมกรรมาธิการร่วมรับเรื่อง โดยตัวแทนชาวบ้านระบุว่า พื้นที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้ชุมชนเพียงประมาณ 200-300 เมตร มีบ้านเรือนอย่างน้อย 27 หลัง และมีประชาชนอาศัยอยู่กว่า 100 คน อีกทั้งพื้นที่โครงการยังตั้งอยู่ติดกับพื้นที่เกษตร ลำน้ำสายหลัก พื้นที่ชุ่มน้ำ และบริเวณที่พบโบราณสถานและโบราณวัตถุ ซึ่งชุมชนใช้ประโยชน์ทั้งด้านการดำรงชีพ วัฒนธรรม และเป็นแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและน้ำประปาชุมชน
จากเอกสารรายงานสรุปผลการจัดรับฟังความคิดเห็นของโครงการ ระบุว่า โครงการโรงไฟฟ้าขยะเชียงหวางมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “โครงการบริหารและจัดการขยะมูลฝอยชุมชนเป็นพลังงานไฟฟ้าระบบปิด” ดำเนินการโดยบริษัท เนชั่นแนล คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ตั้งอยู่ในหมู่ที่ 14 ตำบลเชียงหวาง บนพื้นที่กว่า 210 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ศึกษารัศมี 3 กิโลเมตร ซึ่งกินพื้นที่หลายตำบลในจังหวัดอุดรธานี และบางส่วนของจังหวัดหนองคาย
เอกสารโครงการระบุว่า โรงไฟฟ้าขยะดังกล่าวเป็นโรงไฟฟ้าประเภทเผาไหม้ ใช้ขยะมูลฝอยชุมชนเป็นเชื้อเพลิง มีกำลังการผลิตติดตั้ง 9 เมกะวัตต์ สามารถเผาขยะได้ไม่น้อยกว่า 400 ตันต่อวัน และคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้กว่า 72 กิกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยใช้เทคโนโลยีเตาเผาแบบตะกรับเคลื่อนที่ ระบบหม้อไอน้ำ กังหันไอน้ำ และมีระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ น้ำเสีย และน้ำชะขยะ
แม้เอกสารโครงการจะระบุถึงมาตรการควบคุมมลพิษ เช่น การติดตั้งระบบดักจับฝุ่นแบบถุงกรอง การใช้ถ่านกัมมันต์เพื่อลดสารไดออกซินและฟูแรน รวมถึงการควบคุมระดับเสียงและกลิ่น แต่ชาวบ้านยังคงกังวลว่าการตั้งโรงไฟฟ้าขยะขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่มีความอ่อนไหว ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และโบราณสถาน อาจก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว โดยเฉพาะความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนแหล่งน้ำ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก และอยู่ใกล้ลำน้ำที่หล่อเลี้ยงหลายชุมชน
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกตต่อกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของโครงการ โดยเห็นว่าไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอย่างรอบด้าน การประชาสัมพันธ์ไม่ทั่วถึง และมีการเชิญเฉพาะบางกลุ่มเข้าร่วมเวที ทำให้ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจอย่างแท้จริง ทั้งที่โครงการมีผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตและทรัพยากรของชุมชน
ด้านนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร ระบุว่า ปัญหาโรงไฟฟ้าขยะไม่ใช่ปัญหาเฉพาะพื้นที่ตำบลเชียงหวางเท่านั้น แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการผลักดันโครงการของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ยังขาดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างมีความหมาย คณะกรรมาธิการฯ จะรับเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณา และประสานไปยังกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ชี้แจงและทบทวนกระบวนการดำเนินโครงการให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน การคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และสิทธิของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
การเคลื่อนไหวของชาวบ้านเชียงหวาง จึงสะท้อนคำถามสำคัญต่อทิศทางการจัดการขยะของรัฐ ว่าจะสามารถเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ได้โดยไม่ละเลยเสียงของประชาชน และไม่สร้างภาระด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพให้กับชุมชนท้องถิ่นในระยะยาวหรือไม่
ภาพจาก วุฒิสภา