สำหรับท่านที่โอนเงินตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไปทางทีมงานจะส่งใบเสร็จหลังจากปีใหม่

Please note that for transfers made on or after December 25, 2025, receipts will be issued after the New Year Festival.

Advertisement

Banner 600x250 px

Advertise with us

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

เครือข่ายประชาชน ยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เรียกร้องแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองในลุ่มน้ำโขงตอนบน

เครือข่ายประชาชน ยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เรียกร้องแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากเหมืองในลุ่มน้ำโขงตอนบน

9 October 2025

474

เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง ยื่นหนังสือถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมส่งถึงรองนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า นายสุชาติ ชมกลิ่น และนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดนจากการทำเหมืองนอกกฎหมายในลุ่มน้ำโขงตอนบน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่

เครือข่ายฯ ระบุว่า จากการตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาในหลายพื้นที่พบการปนเปื้อนของสารหนูและแบเรียม แม้ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ประชาชนต้องเผชิญความเสี่ยงจากการสะสมของโลหะหนักในร่างกาย ขณะที่การประปาส่วนภูมิภาคต้องใช้สารเคมีและแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น จึงเสนอให้รัฐบาลเร่งจัดหาแหล่งน้ำดิบใหม่ทดแทนแม่น้ำกก สาย รวก และโขง เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในเขต อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ

 

เครือข่าย ฯ มีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ดำเนินการเร่งด่วน 10 ข้อ ภายในกรอบเวลา 4 เดือน ดังนี้

1. จัดหาแหล่งน้ำดิบใหม่ทดแทนแม่น้ำกก สาย รวก โขง เพื่อการผลิตน้ำประปาภูมิภาค ในเขต อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ เนื่องจากผลการตรวจน้ำประปาจากห้องแล็บพบว่ามีสารหนูและแบเรียมในน้ำประปาถึงแม้จะยัง ไม่เกินค่ามาตรฐานแต่ประชาชนต้องรับความเสี่ยงมีสารโลหะหนักสะสมในร่างกายทีละเล็กทีละน้อย อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการประปาส่วนภูมิภาคกำลังแบกรับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นและใช้สารเคมีจำนวนมากขึ้นในกระบวนการผลิตน้ำประปา การจัดหาแหล่งน้ำใหม่จึงเป็นทางออกที่ยั่งยืนกว่า

2. จัดหาแหล่งน้ำใหม่สำหรับการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านให้กับชาวบ้านใน ต.แม่นาวาง และ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เนื่องจากประชาชนไม่สามารถใช้น้ำกกในการผลิตน้ำประปาหมู่บ้านได้ และปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้านตลอดลำน้ำกก สาย รวก และโขง อย่างน้อย 30 หมู่บ้าน ในเขต อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ อ.เมืองเชียงราย อ.เวียงชัย อ.เวียงเชียงรุ้ง อ.แม่จัน อ.ดอยหลวง อ.แม่สาย อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น เพื่อให้ระบบผลิตน้ำประปาหมู่บ้านมีขีดความสามารถกำจัดสารโลหะหนักในกระบวนการผลิตน้ำประปาที่ใช้น้ำใต้ดินใกล้กับแหล่งน้ำกก สาย รวก โขง ที่ปนเปื้อนสารโลหะหนัก

3. ตรวจสอบคุณภาพดินเพื่อหาสารโลหะหนักในที่ราบลุ่มน้ำกก เนื้อที่ 12,000 ไร่ ใน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ซึ่งเป็นพื้นที่ดินตะกอนแม่น้ำกกที่รับมาโดยตรงจากเหมืองในเมียนมา จากเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2567 ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญ และตรวจสารโลหะหนักในผลผลิตข้าวนาปี จากพื้นที่กว่า 100,000 ไร่ ในเขตชลประทานแม่น้ำกก แม่น้ำสาย-รวก ก่อนการเก็บเกี่ยวในช่วงปลายเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน การตรวจข้าวก่อนเก็บเกี่ยวเป็นประโยชน์ต่อทั้งอุตสาหกรรมข้าวและผู้บริโภค หากตรวจพบสารโลหะหนักในผลผลิตข้าว รัฐจำเป็นต้องมีมาตรการการจัดการทำลายผลผลิต พร้อมทั้งชดเชยรายได้ให้กับเกษตรกรที่ได้ลงทุนไปและรายได้ที่สูญเสีย ในขณะเดียวกันหากผลการตรวจไม่พบสารโลหะหนักรัฐต้องออกเอกสารรับรองผลผลิตข้าวให้กับเกษตรกร เพื่อให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตได้และเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค

4. จัดตั้งศูนย์ตรวจสารโลหะหนักประจำจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ เพื่อทำหน้าที่เฝ้าระวังตรวจสารโลหะหนักในน้ำ ตะกอนดิน ดินเพาะปลูก ผลผลิตการเกษตร ปลา สัตว์น้ำและมนุษย์ ในลุ่มน้ำกก สาย รวก โขง เนื่องจากปัจจุบันการเข้าถึงการตรวจเป็นไปอย่างยากลำบาก มีค่าใช้จ่ายสูง และใช้ระยะเวลาในการตรวจยาวนาน เนื่องจากตัวอย่างทั้งหมดต้องส่งตรวจที่กรุงเทพ ฯ แม้จะมีศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1/1 ที่ จ.เชียงราย ของกระทรวงสาธารณสุข แต่ก็มีทรัพยากรไม่เพียงพอ ส่งผลให้ประชาชนในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ขาดข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน

5. ยุติการนำเข้าแร่ทุกชนิดจากเมียนมา จนกว่าผู้นำเข้าจะพิสูจน์ได้ว่าแร่ที่นำเข้าจากเมียนมา มิได้มาจากเหมืองแร่ที่ก่อให้เกิดมลพิษในแม่น้ำ กก สาย รวก โขง

6. ยกเลิกโครงการฝายดักตะกอนหรือม่านดักตะกอน เนื่องจากมิได้มีการศึกษาว่าสามารถแก้ไข ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำได้จริงและยังจะสร้างปัญหาผลกระทบต่อที่ดินทำกิน ของชาวบ้าน ผลกระทบด้านนิเวศและสิ่งแวดล้อมทั้งนี้กรมทรัพยากรน้ำ ก็ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่แก้ไขปัญหามลพิษแต่อย่างใด

7. จัดตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐ วิชาการและภาคประชาชน เพื่อทำหน้าที่ [1] แสวงหาแนวทางปิดเหมืองในเมียนมา[2]สร้างมาตรการเฝ้าระวังสารโลหะหนักปนเปื้อน ในน้ำอุปโภค บริโภค ดิน สินค้าเกษตร สัตว์น้ำ และร่างกายมนุษย์ [3]เยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเหมืองแร่ในเมียนมา [4] กำหนดแนวทางการฟื้นฟูแม่น้ำกก สาย รวก โขง

8. เปิดเวทีเจรจาอย่างเป็นทางการกับประเทศเมียนมาและจีนเพื่อเรียกร้องให้ทั้ง 2 ประเทศตระหนัก ว่าต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อการทำเหมืองแร่จนก่อให้เกิดมลพิษที่ส่งกระทบต่อประชาชนในประเทศไทย

9. ปรับปรุงระบบการสื่อสารในภาวะวิกฤตที่ให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก ทุกที่ ทุกเวลา มีช่องทางการสื่อสารทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ตลอดจนมีสื่อที่สื่อสารได้ครอบคลุมกลุ่มชาติพันธุ์

10. พิจารณาชะลอสัญญารับซื้อไฟฟ้าจากโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนปากแบง บนแม่น้ำโขง ใน สปป.ลาว จนกว่าจะมีการศึกษาผลกระทบจากการปนเปื้อนสารพิษจากเหมืองแร่ในลุ่มน้ำโขงตอนบน โดยเฉพาะหากแม่น้ำโขงต้องกลายเป็นอ่างเก็บน้ำซึ่งการตกตะกอนของสารโลหะหนักในอ่างดังกล่าว จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อนิเวศและสุขภาพของประชาชน

 

เครือข่ายประชาชนปกป้องแม่น้ำ กก สาย รวก โขง ย้ำว่า การแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนต้องได้รับการบูรณาการอย่างเร่งด่วนจากทุกหน่วยงาน เพื่อปกป้องแหล่งน้ำสำคัญและความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองจังหวัด รวมถึงสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาคในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

 

 

ภาพจาก :  NBT CONNEXT