Back

โรคขาดความสุข...

โรคขาดความสุข...

10 September 2022

1179

ผมคงจะได้วนเวียน ครุ่นคิดเรื่องแบบนี้พอสมควร ส่วนหนึ่งก็ยังเป็นอาการของคนวัยผม แต่โชคดีที่ผม เรียนรู้จักมายาวนานเกือบ 30 ปีกับภาวะนี้ ทำให้เข้าใจ หรือมีภูมิต้านทาน แต่กำลังเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ หลายคนกำลัง ส่ออาการ

ผมเข้าใจว่า คนเราพอ “ขาด” หรือไม่ครบ หรือ ไม่มี ไม่เป็น ไม่สำเร็จ ไม่เพียบพร้อม ดีพร้อม ก็จะเริ่มรู้สึก ยิ่งทำยิ่งริบหรี่ ยิ่งหมดพลัง ยิ่งเติบโตเข้าใจ มองเห็น เห็นตัวเอง เห็นโลก เห็นความจริง ก็ยิ่งกลัว ปริวิตก เครียด ฯลฯ สมรมรวมๆ ก็พาลพาเรา เริ่มป่วย ดิ่งลึกในจิตใจ อ่อนแอ ควานหาปาฏิหาริย์ ความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมนุษย์ปัจจุบัน เกิดและเติบโตมาอย่างอ่อนแอ ก็ยิ่งคลอนแคลน ง่อนแง่น พะวงกับโชคชะตา

 

ผมเห็นหลายคน ทุ่มหนักไปในเรื่องทำบุญ ซึ่งแท้จริงก็คือ การพยายามทำให้จิตใจ ผ่อนคลาย มีพลัง แต่ขบวนการบุญ ในปัจจุบันก็ซ่อนแฝงไปด้วย เรื่องเล่าครอบงำ และผลประโยชน์มหาศาล ถนนทุกสายที่ไปยังสถานที่แบบนี้จึง อลังการ ผู้คนหลั่งไหล ถามว่าเพราะศรัทธาในคำสั่งคำสอนของศาสดา หละหรือ เปล่าเลย ถ้าพุทธ ก็สอนแค่พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล ให้มีสติ มีปัญญา นอกนั้น ก็ผี แบบต่างๆ ไหว้ไปหมด ไปยัน “พี่สาว” ผีออนไลน์ คนส่วนมากไปไหว้ กราบเพื่อขอ .... ขอ ต่างๆ เพื่อให้ความกลัว ความง่อนแง่น ทุเลาหรือผ่านพ้นไป หรือ ให้มีความหวัง ความฝัน สดสวย

สำหรับในวัย
40-50 ปี อย่างผม แม้จะยังเยาว์ เกินกว่าจะเล่าขานรูปแบบชีวิต แต่ก็ยังพอเทียบเคียง ความแตกต่างได้ ว่า 40 ปีก่อน กับ วันนี้ ต่างกันอย่างไร เด็กที่เกิดมา ที่ต้องรีดเค้น ตั้งแต่เรียน ท่อง ต้องถูกกำหนดตารางเวลา ชีวิต ตื่นกี่โมงและต้องทำอะไร เมื่อไหร่ ที่ไหน เป็นการบ่มเพาะ เลี้ยงดู ฝึกฝนกรำเคี่ยว ทุกคนจึง มีระบบการเซ็ตรูปแบบชีวิตคล้ายกัน จนเติบโตพ้นมหาลัย ทำงาน นั่นคือจุดเริ่มที่เห็น หลายคนมีคำถาม ว่า ชีวิตเกิดมาหรือ อยู่เพื่ออะไร ?

มหาลัยไม่ได้สอน หรือชี้ทางปัญญาให้เรา ค้นพบความหมาย หรือ ปรัชญาชีวิต มหาลัยแค่สอนวิธี หรือ ให้เครื่องมือ ทำมาหากิน

เมื่อคืนถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ นานาต่างๆ และถามว่า ในเมื่อบริษัทเขาให้ทุนเราไปดูงาน ไปศึกษาต่างประเทศ ทำไมไม่ไป ? เขาเลื่อนขั้น เลื่อนฐานะ ตำแหน่ง ก็ไม่เอา เพราะอะไร ? น้องพิ้นตอบว่า “โอกาส ค่าตอบแทน ตำแหน่ง มาพร้อมกับความรับผิดชอบมากมาย และนั่นคือ เวลาชีวิตที่ต้องยกให้เขา เพื่อทำงาน แล้วเราจะเหลือเวลาที่ไหน ออกมาไปใช้ชีวิต”   ผมชอบคำตอบน้องชายคนนี้จริงๆ

ความกระจ่างแจ้ง กับชีวิตเป็นภูมิคุ้มกัน สำคัญไม่ให้เราสูญเสีย “ความสุข” ความศรัทธาในตัวเอง คนเราแม้ว่าจะถูกสอนให้ มองแต่เป้า ดิ้นรนเพื่อให้ได้ ให้มี ให้สะสมเพิ่มพูน บางครั้ง นั่นไม่ใช่สาระหรือแก่นแท้ของชีวิต การมีชีวิต การได้ใช้ชีวิต และได้เสพอิสรภาพของชีวิต มากกว่าคือหัวใจ

น้องชายถามกลับว่า “พี่ไนล์ยังปลูกต้นไม้ทิ้งๆขว้างๆ อยู่อีกหรือเปล่า ?”  ผมตอบว่า ใช่ ผมตอบว่า เขาควรจะเข้มแข็งจากโลกแห่งความเป็นจริง โลกมันเป็นแบบไหนไม่สำคัญหรอกถ้าเรารู้ว่าเราจะอยู่บนโลกนี้แบบไหน...

ไอ้พิ้น มันฟังแล้วก็ยิ้ม... เหมือนเคย



โดย  ไนล์ รอยเคียว

Recent posts