ผมเติบโตในยุคที่ อาชีพสื่อมวลชนเฟื่องฟู ที่สุด ทั้งเงิน ทั้งงาน ทั้งอำนาจ แสวงหาได้มาแบบ อู้ฟู่ .... คนมีเงิน มีอำนาจ และอยากดัง ซื้อหน้าสื่อ ในราคาแพงลิบลิ่ว อยากให้สัมภาษณ์ อยากออกรายการ
พิธีกรเก่งๆ จึงเนื้อหอม ค่าตัวแพงหลักล้าน สื่อหลายสำนัก ผุดตึกระฟ้า มีพนักงานควักไขว่ ทีวีช่องหลัก นักข่าวขับรถหรูๆ เย่อหยิ่ง หัวควยมาก!!
ผมเคยไปทำข่าวกับมนุษย์พวกนี้ ยอมรับเลย ว่า แอบถ่มน้ำลายตามหลัง ด้วยความหมั่นไส้และเกลียดชัง ที่สุด สื่อเองก็มีศักดินา มีชนชั้น หัวใหญ่หัวเล็ก หัวเขียวหรือหัวแดง ทีวี วิทยุ หรือ นสพ. ต้ำต้อยสุดในยุคนั้นก็สื่อเว็บไซต์ หรือ อินเตอร์เน็ต อย่างพวกผมนี่แหละ
แต่แค่ไม่กี่ปี แล้วชีวิตก็ได้เห็น ความล่มสลายของ อาชีพสื่อสารมลชน จากหนังสือพิมพ์ ก็ไล่เรียง มาทีวี วิทยุ ซึ่ง ไม่เคยมีใครคิดว่า “สื่อมวลชน” จะพังพินาศลงได้ ยิ่งการเมืองไทย ศาล และกระบวนการยุติธรรมไทย มันฉาบทาด้วยอำนาจทมิฬ ป่าเถื่อน ภาพจำพวกพิธีกร คนเล่าข่าว นักปลุกปั่น หายไปหมด สรุปแล้ว คนทำสื่อที่มีบทบาททางสังคม มีอันเป็นไปหมด
พิธีกร ในยุคนั้น หลายคนหลงระเริง กับสถานะ กับค่าตอบแทน กับบทบาททางสังคม ออกมาสำแดง ชี้นำทางการเมือง ทางสังคมเยอะแยะไปหมด วันนี้ ... กำลังกลายเป็น สิ่งมีชีวิตที่ตกหล่น สิ้นสภาพ เก่าคร่ำครึ และน่าขบขัน แกม เวทนา
ไม่น่าเชื่อว่า ในช่วงชีวิตสั้นๆ ของเรา ก็ได้เห็น วัฏจักร ทั้งรุ่งเรือง สุดๆ และล่มสลาย หายไปหมด ตรงตามหลักที่พุทธองค์ทรงสั่งสอน ว่า โลกนี้ ล้วนอนิจจัง ไม่เที่ยงสักอย่าง ความดี ความยืดมั่น ในความถูกต้องต่างหาก ที่ไม่คลอนแคลน
เช้านี้ อ่านข่าวกาละแมร์ .... พิธีกรคนสวย ปากจัดจ้าน เมื่อ10-20 ปีก่อน วันนี้ โดนฟ้อง จนต้องลาออก จากพิธีกร โถ... กาละแมร์ มาๆ มาทำไร่