Back

กลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองแร่ทรายแก้ว ค้านเวทีประชามติประทานบัตรไม่ชอบ เตรียมฟ้องศาลปกครอง

25 July 2022

469

กลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองแร่ทรายแก้ว ค้านเวทีประชามติประทานบัตรไม่ชอบ เตรียมฟ้องศาลปกครอง

 

           กลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองแร่ทรายแก้วติดตามการทำประชามติเพื่อประกอบกิจการเหมืองทรายแก้ว หลังพบมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งขอทะเบียนบ้านและโอนย้ายชื่อบุคคลเข้าพื้นที่เพื่อเปลี่ยนผลการประชามติ ขณะที่ผลประชามติ เห็นด้วย 91 คะแนน ไม่เห็นด้วย 82 คะแนน ด้านกลุ่มฯไม่เชื่อผลคะแนนลั่นเตรียมเดินหน้ายื่นฟ้องศาลปกครองในเร็วนี้

           8 พฤษภาคม 2565 เวลา 07.45 น. กลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองแร่ทรายแก้ว ตำบลคำโตนด อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เดินทางไปติดตามการทำประชามติ เพื่อประกอบกิจการเหมืองทรายแก้ว คำขอประทานบัตรที่ 3/2560 เนื้อที่ 256 ไร่ 51 ตารางวา ของบริษัท สินทรัพย์ธรรมชาติ จำกัด ณ ศาลาประชาคมบ้านหนองเลิง หมู่ที่ 12 ตำบลคำโตนด อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี เนื่องจากพบข้อมูลว่าในพื้นที่แปลงขอประทานบัตร มีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาตั้งขอทะเบียนบ้าน และมีการโอนย้ายชื่อบุคคลเข้ามาเพื่อเปลี่ยนผลการประชามติ ให้สามารถประกอบกิจการเหมืองแร่ทรายแก้วในพื้นที่ดังกล่าว และมีข้อกังวลเกี่ยวกับความชอบธรรมในกระบวนการขอประธานบัตรเหมืองทรายแก้วเนื่องจาก

           1.หากย้อนกลับไปที่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งล่าสุดของชาวบ้านหนองเลิง เมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562 พบว่าในช่วงนั้นมีประชาชนสามารถใช้สิทธิเลือกตั้ง เพียง 175 คน เท่านั้น ส่วนการลงประชามติในครั้งนี้พบว่ามีผู้มีสิทธิลงชื่อออกเสียงประชามติตามเอกสาร ปม.2 ถึง 273 คน จึงแสดงว่าในระยะเวลาประมาณ 3 ปีกว่า มีผู้สามารถใช้สิทธิได้เพิ่มขึ้นถึง 98 คน คิดเป็นร้อยละ 35.9 กล่าวคือ ในพื้นที่มีประชากรใหม่เพิ่มขึ้นโดยเป็นบุคคลภายนอกย้ายเข้ามาอยู่เป็นบุคคลในพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 จากจำนวนประชากรทั้งหมดในปัจจุบัน

           2.หลักการสำคัญของการทำประชามติตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ให้ยึดตามรัศมีผลกระทบเป็นหลัก ไม่ใช่ยึดตามเขตหมู่บ้านในพื้นที่ตั้งคำขอประทานบัตรเป็นหลัก ซึ่งหากมีการทำเหมืองเกิดขึ้นจริงก็เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่งว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผลกระทบจะจำกัดอยู่เฉพาะในเขตหมู่บ้านหนองเลิง หมู่ที่ 12 เท่านั้น ผลกระทบต่อดิน น้ำ อากาศ การใช้ถนน ฯลฯ จะต้องกระจายตัวออกไปไกลกว่าหมู่บ้านหนองเลิง หมู่ที่ 12 อย่างแน่นอน

           3. คำขอประทานบัตรที่ 3/2560 เป็นพื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึมตามมาตรา 17 วรรคสี่ ซึ่งจะนำไปประกาศเป็น ‘เขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง’ เพื่อนำไปขอประทานบัตรทำเหมืองแร่ชนิดใด ๆ ไม่ได้

           นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลในประเด็นผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ หากมีการดำเนินโครงการเหมืองแร่ทรายแก้วในพื้นที่ ได้แก่ ปัญหาดินยุบตัว ฝุ่นละอองจากการขนส่ง มลภาวะทางเสียง ขาดแคลนน้ำสำหรับการทำการเกษตร

           ในเวลา 08.15 น. ชาวบ้านกลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้วเดินทางถึงหน่วยลงประชามติ ซึ่งนายอำเภอประจันตคามได้เดินมาบอกรถเครื่องเสียงให้ทำการปิดเสียงและยังมีการข่มขู่ว่าถ้าไม่ปิดจะเอาตำรวจมาจับ แต่ชาวบ้านยืนยันว่าไม่ปิดเครื่องเสียงพร้อมทำการชูป้ายไวนิลขนาดใหญ่ที่มีข้อความซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ในการมาคัดค้านเวทีประชามติครั้งนี้ว่า “เราไม่ได้คัดค้านการทำประชามติ แต่เราอยากให้ตรวจสอบ 98 คน ย้ายทะเบียนบ้านเข้ามาในพื้นที่ เราเกรงว่าจะไม่เป็นธรรมในการทำประชามติในครั้งนี้”  และ “ขอให้เลื่อนการทำประชามติออกไปก่อน จนกว่าจะมีการตรวจสอบ 98 คน แล้วเสร็จ” และป้ายเล็กที่มีข้อความว่า “เหมืองแร่ทรายแก้วทำลายระบบนิเวศ ไม่เอา” “ไม่เอาเหมืองแร่ทรายแก้ว” และเวลา 08.57 น. รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีได้เดินทางมาที่หน่วยประชามติ

           10.04 น. ชาวบ้านก็ได้เดินเข้ามายังแนวกั้นจุดสังเกตการณ์บริเวณด้านในแต่ขณะที่ชาวบ้านกำลังเดินเข้าประชิดแนวกันด้านใน นายอำเภอก็ได้เรียกให้ชาวบ้านที่มาชุมนุมเข้ามาบริเวณด้านในโดยเจ้าหน้าที่ก็ได้นำเชือกมาโยงทำแนวกั้นเขตใหม่ให้เป็นแนวกั้นชั้นที่ 2 อีกครั้ง และขณะเดียวกันก็เริ่มมีประชากรที่ย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ในหมู่บ้านหมู่ 12 ทยอยลงประชามติ ซึ่งจากการตรวจสอบบัตรประชาชนของประชากรที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่ใหม่พบว่าในบัตรประชาชนได้ระบุวันออกบัตรเมื่อวันที่ 14 ม.ค.2565 ที่ผ่านมานี้เอง ขณะที่กลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้วที่ปักหลักเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดก็ได้ตะโกนว่า “คิดถึงลูกหลานเราบ้าง”

           เวลาประมาณ 12.05 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลากินข้าวเที่ยงผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ซึ่งเป็นชาวบ้านกลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้ว ได้ประกาศว่า “อาหารที่สั่งเตรียมไว้สำหรับชาวบ้านกลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้ว ร้านที่สั่งแจ้งว่าถูกยึดไปทั้งหมดโดยบุคคลไม่ทราบฝ่าย ตอนนี้กำลังหากับข้าวกับปลามาเพิ่มเพื่อให้ชาวบ้านที่มาเฝ้าติดตามสถานการณ์ได้มีอาหารกิน” โดยหลังจากกินข้าวเสร็จชาวบ้านยังคงปักหลักเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่หน่วยประชามติซึ่งจะปิดหีบในเวลา 15.00 น. และระหว่างที่ปักหลักรอจนกว่าจะนับคะแนนแล้วเสร็จชาวบ้านก็ได้มีการจักสานไผ่ไปด้วยในขณะเดียวกัน

           ต่อมาในเวลา 13.56 น. พบรถตู้มาจอดใกล้หน่วยประชามติให้คนลงจากรถและเดินไปที่ลงคะแนนประชามติเพื่อประกอบกิจการเหมืองทรายแก้ว

           เวลา 15.00 น. รองผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีได้เดินทางมาที่หน่วยประชามติอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ประกาศหมดเวลาลงประชามติ ทำการปิดหีบประชามติ และเจ้าหน้าที่เริ่มนับคะแนนประชามติ ซึ่งชาวบ้านกลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้วได้เฝ้าติดตามการนับคะแนนประชามติอย่างใกล้ชิด

           และต่อมาในเวลา 15.31 น. เจ้าหน้าที่ทำการนับคะแนนแล้วเสร็จ ซึ่งผลการนับคะแนนประชามติคำขอประทานบัตรที่ 3/2560 ณ ศาลาประชาคมบ้านหนองเลิง หมู่ที่ 12 ตำบลคำโตนด อำเภอประจันตคาม จังหวัดปราจีนบุรี คือ เห็นด้วยกับการอนุญาตประทานบัตร 91 คะแนน ไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตประทานบัตร 82 คะแนน ไม่ประสงค์ลงประชาชน 7 คะแนน และบัตรเสีย 10 คะแนน ผลการลงประชามติสะท้อนเป็นที่ชัดเจนว่า หากไม่การนำชาวบ้านจากนอกพื้นที่ ที่มีทะเบียนบ้านเพิ่มมา ผลประชามติจะต้องเป็นไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ทรายแก้วอย่างแน่นอน เนื่องจากตลอดการประชามติ ชาวบ้านกลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้ว ได้ติดตามสังเกตการณ์การลงประชามติ ให้เกิดความโปร่งใส่อย่างใกล้ชิด โดยพบว่า บ้านเลขที่ตั้งแต่ 72-77 ซึ่งเป็นบ้านเลขที่ใหม่ คาดว่าเป็นบ้านเลขที่ที่ได้มาจากการตั้งตู้คอนเทนเนอร์บริเวณพื้นที่ประทานบัตรเหมืองทรายแก้ว ในหมู่ 12 บางหลัง มีจำนวนผู้อยู่อาศัย ถึง 20 คน แต่ทั้ง 20 คนไม่เป็นเครือญาติกันเลย เนื่องจากมีนามสกุล และเลขบัตรประชาชน ที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด และบ้านเลขที่ทั้งหมดนี่มีผู้อยู่อาศัยรวมกัน เกือบ 70 คน ถึงแม้ว่าบ้านเลขที่ดังกล่าว จะมาลงคะแนนประชามติเพียงเกือบ 30 คนเท่านั้น แต่ก็มากพอที่จะเปลี่ยนผลการประชามติการอนุญาตประทานบัตรเหมืองทรายแก้ว ที่จะมีผลกระทบเกิดขึ้นกับชาวบ้านตำบลคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้วได้มากถึง 30 ปี

           ทั้งนี้ภายหลังจากนับคะแนนประชามติเสร็จสิ้นตัวแทนกลุ่มคำโตนดไม่เอาเหมืองทรายแก้วก็ได้กล่าวถึงความรู้สึกว่า “ผลคะแนนประชามติที่ออกมาในวันนี้ก็รู้สึกว่าดี เพราะได้เห็นถึงความสามัคคีของทุกคนที่ไปรวมให้กำลังใจเฝ้าติดตามสถานการณ์ และเห็นว่าชาวบ้านหมู่ 12 ก็ยังออกมาใช้สิทธิของตนเองอยู่ ถึงแม้ว่าจะมีคนที่ไม่ใช่ เราก็ให้เขามาลงประชามติ เราก็ไม่ได้ขวาง ให้เป็นไปตามขั้นตอน ถึงแม้ว่าเราจะแพ้คะแนนเสียงแต่เราไม่เชื่อว่าจะเป็นคะแนนจริง ๆ ฉะนั้นเราจะเดินหน้าฟ้องศาลปกครองในขั้นตอนต่อไป”

 

About Us

เว็บไทยเอ็นจีโอ สนับสนุนการใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์และเผยแพร่แนวคิดวัฒนธรรมเสรี เนื้อหาในเว็บไซต์ไทยเอ็นจีโอดอทโออาจี ท่านสามารถเอาไปใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงท่านระบุที่มาและห้ามทำการค้า

ThaiNGO Team

ติดต่อประสานงาน - Contact
Tel : 099-014-3797

ทศพร แกล้วการไร่ : ผู้ดูแลเว็บ - Webmaster
Tel : 080-078-4016

อัฎธิชัย ศิริเทศ : บรรณาธิการ - Editor
Tel : 082-178-3849

Email : webmaster@thaingo.org

Office Hours : Mon-Fri , 9.00-17.00

Contact Info

2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310

2044/23 New Phetchaburi Road, Bangkapi, Huai Khwang, Bankok 10310

+662 314 4112