ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

7 ปี รัฐประหาร สังคมไทยได้อะไร

                                   ขอบคุณภาพ จาก  : https://thematter.co/brief/143900/143900

ในระยะเวลาย้อนไม่ไปถึง 20 ปี ( 2549-2564) ประเทศไทยเกิดรัฐประหารถึง 2 ครั้ง โดยกลุ่มขั้วอำนาจเดิม คือ ทหาร กลุ่มอำมาตย์ กลุ่มธุรกิจเดิมๆ ปัญญาชนหน้าเดิม ขนชั้นนำเดิม และ ประชาชน กลุ่มเดิมๆ ในรอบแรก คือ พันธกิจ “กู้ชาติ” ขับไล่ทุนสามานย์ และโค่นรัฐบาลทักษิณ หลังรัฐประหาร ไม่เกิดบรรยากาศประชาธิปไตย หรือการเปลี่ยนแปลงใด ๆ การเมืองไทยกลับมาอีรอบเดิม ขัดแย้ง โจมตี ชุมนุม จากทุกฝ่าย ขบวนการคนเสื้อแดง ( ที่สนับสนุนทักษิณ) ลุกขึ้น ชุมนุมเรียกร้อง นำมาสู่การล้อมปราบ และการสังหารหมู่ ด้วยชุดซุ่มยิงสไนเปอร์ ปืนติดลำกล้องยิงระยะไกล ด้วยคำสั่ง กระชับพื้นที่ ซึ่งมี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯ และผู้ดูแลด้านความมั่นคง คอยสั่งการ ความผันผวน ความเคืองแค้นทางการเมือง ปะทุผ่านการเลือกตั้ง หลายรอบ และพรรคเพื่อไทย หรือ นำไทย ที่ชูนโยบายถึง อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็ชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง จนนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ในนาม กปปส. ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และมวลมหาประชาชน ที่ลุกขึ้นมา “ชัตดาวน์กรุงเทพฯ” ขัดขวางการเลือกตั้ง ละพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิบัติการไม่ลงสมัคร แต่ลงถนน ตามแผน “โค่นล้มระบอบทักษิณ ถอนรากทุนสามานย์ “   และ ชูประเด็นเรื่องการ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ทำให้พรรคเพื่อไทย หมดความชอบธรรม แม้ว่าจะชนะการเลือกตั้งก็ตาม

สถานการณ์บ้านเมืองมืดมนอนธกาลมาก การเคลื่อนไหว การขับเคี่ยวหักโค่น ทำร้าย ลอบสังหาร คุกคาม จับ ขัง แพร่ไปทั่ว ประเทศนี้ เหมือนภาวะเกิดความว่างเปล่าทางอำนาจ ไม่มีใครที่จะสามารถห้ามปรามหรือยุติความขัดแย้งนี้ได้ สุดท้าย 22 พฤษภาคม ปี
2557 ก็เกิดรัฐประหารอีกรอบ จากพวกเดียวกันเอง และรอบนี้ ทหารเข้าควบคุมเบ็ดเสร็จ แบบทำการบ้านมาดี ลงลึกไปถึงหมู่บ้าน มีการระดมกำลังทหาร ไล่  จับ ขัง ฆ่า ยัดคดี แกนนำ ฝ่ายต่างๆ โดยเฉพาะคนเสื้อแดง โดนหนักที่สุด ทุกคนจะต้องโดนเรียกเข้าอบรม หรือเรียกว่า “เข้าไปปรับทัศนคติทางการเมือง”

การรัฐประหารครั้งนี้ก็เหมือนครั้งที่แล้ว (2549) เพราะมีมวลมหาประชาชน ออกมาตะโกนร้อง แซ่ซ้องยินดี ตีอกชกตัว ปลาบปลื้ม ปิติ กันถ่วนหน้า ท่ามกลางความกล้ำกลืน สุดปวดร้าวของคนเสื้อแดง และคนรักประชาธิปไตย บทเรียนจากปี 2549 ครั้งนี้ทหาร ฝ่ายเผด็จการทำการบ้านมาดีมาก ทั้งแทรกซึม เปลี่ยนนโยบาย เปลี่ยนทิศทาง วางกำลังสายลับ คนข่าวไปทั่วทุกแห่ง ไปทั่วทุกกระทรง ทบวง กรม ไปทุกสำนัก ทุกพื้นที่ แม้แต่ตามหมู่บ้าน ห่างไกล

ในขณะที่ นักกฎหมายฝ่ายอำนาจก็เร่งรีบ งุบงิบ ร่างรัฐธรรมนูญ ยาพิษออกมา อย่างรวดเร็ว เพื่อทำหมันขบวนการประชาชน ทำหมันพลังประชาธิปไตย การร่างแบบซุบซิบกันเอง ใช้เวลายาวนานมากเกือบ
4 ปี  แต่กลับได้กฎหมายหน้าตา อัปลักษณ์มาก ทั้งคลุมเครือตีความได้ไม่แตกฉาน และหมกเม็ด วางกับดักความต้องการคนที่ปรารถนาประชาธิปไตย

 

ปี 2563 คนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ ลุกขึ้นชูสามนิ้ว และตะโกนก้องปลดล็อคตัวเอง เพื่อต้องการข้ามพ้น จากหลุมพรางทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย ที่วนเวียนอยู่กับการรัฐประหาร  ซึ่งที่มากว่า กฎหมายรัฐธรรมนูญที่เขียนมาได้สร้างคุณูปการอะไรทางประชาธิปไตยแล้ว  วันนี้ ประชาชนทุกคนเริ่มเห็นพ้อง ร่วมกันแล้วว่า การรัฐประหาร ไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหา และรัฐบาลทหาร ไม่ใช่มืออาชีพด้านการบริหาร การเมือง เศรษฐกิจ กลับกัน รัฐบาลทหารกำลังนำพาประเทศนี้ล่มจม ด้วยการกู้เงินมาถลุง ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำและโรคระบาดอย่างรุนแรง

คนไทยจึงต้องเผชิญกับความปวดร้าวใจซ้ำสอง ทั้งการเมืองที่มืดมน และ เศรษฐกิจที่ใกล้สิ้นเนื้อประดาตัว  ฉะนั้น ถ้าใครถาม ผมว่า
7 ปี สังคมไทยได้อะไร จากการรัฐประหาร ผมตอบได้คำเดียว     

“ไอ้เ-ย ตู่  ออกไป....
!