วานนี้ (25 ธ.ค. 63) เวลาประมาณ 09.00 น. ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำ จ.เลย ประมาณ 20 คน ได้ร่วมติดตามสถานการณ์การขายทอดตลาดสินแร่ ที่บรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็ค (BIG BAG) จำนวน 190 ถุง ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี ได้นัดขายทอดตลาดสินแร่ นัดที่ 3 วันที่ 25 ธ.ค. 63 ณ บริษัท ทุ่งคำ จำกัด เลขที่ 179 หมู่ที่ 3 ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย

โดยเวลาประมาณ 09.07 น. นายทองแดง ทองไหม ผู้เข้าร่วมประมูลสินแร่ พร้อมด้วยผู้ติดตามอีก 7 คน ได้เดินทางมาถึงหน้าประตูทางเข้าเหมืองทองคำ ซึ่งทางชาวบ้านที่เฝ้ายามดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่ได้ขอให้ผู้เข้าร่วมประมูลสินแร่ทุกคนได้มาลงทะเบียน เพื่อเฝ้าระวังเชื้อไวรัส Covid-19 วัดอุณหภูมิ และล้างมือ ก่อนขึ้นไปยังเหมืองทองคำ ซึ่งระหว่างรอเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ นายทองแดง ทองไหม ได้ขอให้ทางชาวบ้านพาไปดูส่วนของตัวโรงงานแต่งแร่ที่ถูกทำการตีตรายึดทรัพย์สินและกำลังจะถูกประกาศขายทอดตลาดต่อไป โดยได้บอกกับชาวบ้านว่า “ครั้งหน้าจะเข้ามาประมูลตัวโรงงานด้วย อยากได้ถังแต่งแร่”

เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดเลย 6 คน ได้เดินทางมาถึงบริเวณโรงเก็บสินแร่ และได้อ่านประกาศขายทอดตลาดสินแร่ ที่บรรจุอยู่ในถุงบิ๊กแบ็ค (BIG BAG) จำนวน 190 ถุง เริ่มต้นสำหรับการขายทอดตลาด นัดที่ 3 ในราคา 8,240,000 บาท โดยมีตัวแทนคณะกรรมการเจ้าหนี้มาร่วมดูแลการขายทอดตลาด ได้แก่ นายศุภกร ฐิติโยธิน ตัวแทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ และนายสุรพันธ์ รุจิไชยวัฒน์ ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำ จ.เลย ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูลสินแร่ จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายมานิช มีเพียร และนายทองแดง ทองไหม

โดยนายทองแดง ทองไหม ได้ยกป้ายประมูลสินแร่ จำนวน 190 ถุง ในราคา 8,240,000 บาท ไป โดยไม่มีผู้เข้าสู้ราคาแต่อย่างใด ซึ่งนายทองแดงได้กล่าวกับชาวบ้านว่า “ช่วงบ่ายวันนี้จะเข้าไปจ่ายเงินที่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดเลย และจะเดินทางไปสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเลย เพื่อขออนุญาตและเตรียมขนย้ายสินแร่ดังกล่าว”

ซึ่งชาวบ้านที่มาติดตามการประมูลสินแร่ได้แสดงความยินดีและดีใจที่มีผู้มาประมูลสินแร่ไปเสียที โดยชาวบ้านกล่าวว่า “การขายทอดตลาดทรัพย์สินเหมืองทอง ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดมลพิษที่สร้างผลกระทบต่อชีวิต ชุมชน สุขภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมานานนั้น จะต้องคำนึงถึงการฟื้นฟูอย่างจริงจังด้วย ซึ่งชาวบ้านพยายามผลักดันเรื่องการฟื้นฟูมาตลอด ซึ่งการขายสินแร่ได้ก็เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่เป็นสัญญาณที่ดีที่จะนำไปสู่การฟื้นฟูพื้นที่ทั้งในและนอกเหมืองทองคำ”