ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

เครือข่าย องค์กร ประชาชนค้านผันน้ำโขงเลยชีมูล เรียกร้องยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ปิดกันเสียงประชาชน

 

 

17​ กรกฏาคม​ 2563​ เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสานออกแถลงการณ์​ หยุดใช้ พรก.ฉุกเฉิน กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรน้ำ​  หลังจากรัฐบาลได้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องมา 3​ ฉบับ​ ซึ่งขยายเวลาถึง​ 31​ ..​25​63 และไม่มีทีท่าจะยกเลิก

ในแถลงการณ์ในกล่าวถึง การที่รัฐประกาศใช้พรก.ฉุกเฉินนั้นส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ที่สำคัญสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกจะถูกจำกัด พร้อมทั้งไม่ได้มีแนวโน้มที่ยกเลิก

นายสุวิทย์​ กุหลาบวงษ์​ ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน​ เผยกับนักข่าวว่า​ เราในนามเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน​ได้มีการติดตามประเด็นการสร้างเขื่อนต่างๆบนแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขา​ และในสถานการณ์นี้เป็นการรีบผลักดันโครงการ​ ทำให้ประชาชนไม่มีส่วนร่วมโดยใช้สถานการณ์โควิด​19​ และใช้อำนาจ​ พรก.ฉุกเฉิก ซึ่งทำให้ไม่มีความชอบธรรม ในขณะที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ที่มี นายธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานกรรมาธิการฯ ยังคงเดินหน้าพิจารณาผลักดันโครงการจัดการน้ำขาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำคือ โครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล ซึ่งเครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสานมองว่าภาครัฐใช้ พ..ก ฉุกเฉิน มาเป็นข้ออ้าง เพื่อกีดกันการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน้ำในภาคอีสาน

ในการจัดการน้ำของภาคอีสาน​ มีนักวิชาการ​ ภาคประชาชน​ ภาคประชาสังคม​ พูดมาหลายปี ที่ต้องจัดการน้ำแบบยั่งยืน​ และเราไม่เห็นด้วยกับการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำ​  มันไม่มีความคุ้มค่าที่จะทำ​ เรายืนยันให้ยกเลิกการประกาศใช้​ พรก.ฉุกเฉิน​ และเราจะยื่นจดหมายถึงประธานกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา​การจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบต่อไปนายสุวิทย์กล่าว

ฉะนั้น พวกเรา เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสังคมสาธารณะ ต่อสถานการณ์ปัญหาการขาดการมีส่าวนร่วมในการจัดการทรัพยากรน้ำของภาคประชาชน ดังต่อไปนี้

        ประการแรก ขอให้รัฐบาลไทยยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการใช้อำนาจพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.. 2548 ทันที แล้วทำการทบทวนนโยบายและโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานทั้งระบบ เพราะในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาโครงการจัดการน้ำต่าง ๆ ยังดำเนินตามแนวทางการจัดการน้ำแบบเดิมที่มุ่งพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ตามลุ่มน้ำต่าง ๆ แต่บทเรียนที่ผ่านตลอด 6 ทศวรรษในการจัดการน้ำภาคอีสานได้บ่งชี้ว่า การจัดการน้ำควรสอดคล้องกับระบบนิเวศและวัฒนธรรมของพื้นที่ภายใต้บริบทของพื้นที่ที่หลากหลาย

        ประการที่สอง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ และคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง เลย ชี มูล สงคราม ต้องทบทวนบทบาท การทำงาน และการศึกษาต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ที่เกี่ยวข้องกับโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล และโครงการจัดการน้ำต่าง ๆ ตามลุ่มน้ำสาขาในภาคอีสานทั้งระบบ โดยต้องกลับมาเริ่มต้นศึกษาและประเมินความคุ้มค่าที่แท้จริงของโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมาได้มีการละเลยการศึกษาถึง มิติความคุ้มค่า โครงการฯ แต่กลับมีมุมมองการจัดการน้ำแบบแยกส่วนและการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำระยะสั้นตามสถานการณ์เพียงเท่านั้น

        ประการที่สาม ขอให้ กลุ่ม องค์กร ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมต่าง ๆ ตลอดจนพลเมืองกับเสรีชนทุกท่าน มาร่วมกันตรวจสอบ วิพากษ์ วิจารณ์ การผลักดันโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสาน ที่กำลังถูกปัดฝุ่นกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ท่ามกลางการใช้กฎหมายพิเศษจำกัดสิทธิ เสรีภาพประชาชนในการเคลื่อนไหวเพื่อการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรแถลงการณ์​ระบุ

 

ทางด้านนายชาญณรงค์​ วงษ์ลา​ ผู้ประสานงานกลุ่มฮักเชียงคาน​ กล่าวว่่า​ การใช้อำนาจจาก​พรก.ฉุกเฉิน​  มาเอื้อในการผลักดันโครงการ​ นั้นถือว่าเป็นวิธีการที่ไม่ชอบธรรม​ และถึงแม้จะทำครบกระบวนการแต่ก็ขาดซึ่งความถูกต้อง​สมบูรณ์​ เพราะไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม​ เปรียบเหมือน​ กินข้าว​ สักแต่ว่ากินแต่ไม่อิ่มสักที

ในขณะเดียวกันเครือข่ายนักวิชาการลุ่มน้ำโขงอีสาน ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในจดหมายกล่าวถึงการพัฒนาแหล่งน้ำ การบริหารจัดการน้ำ ในภาคอีสาน ตลอดทั้ง 30 ปี ได้ก่อให้เกิดผลกระทบมากมายมหาศาล และใช้งบประมาณมหาศาล แต่กับไม่เกิดความคุ้มค่า และยังพังระบบนิเวศและวิถีชีวิตของคนอีสาน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนคัดค้านโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำที่รัฐบาลกำลังดำเนินการและผลักดัน

อาจารย์สันติภาพ  ศิริวัฒนไพบูลย์ ตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการลุ่มน้ำโขงอีสาน กล่าวว่า ให้ทบทวนปัญหาที่มีอยู่แล้วก่อน​ เพราะมันเห็นได้ชัดเจน​ และกระทบกับสิ่งแวดล้อม​พร้อมทั้งก่อให้เกิดปัญหากับชุมชน​ซึ่งไม่คุ้มค่า​ มีความเสียหายเป็นรูปธรรมอยู่แล้ว​ ไปแก้ไขปัญหาเดิมก่อน​ ถ้าจะทำ​ และประชาชนต้องมีส่วนร่วม​ในการออกแบบ  ทางเลือก​ ที่ยั่งยืนกว่า ไม่ได้ออกแบบเพียงแค่ฝ่ายรัฐ  เพราะยังมีคนหาปลา​ ที่ใช้ประโยชน์จากน้ำขึ้นน้ำลง​  ไม่ใช่มองแค่การหาน้ำอย่างเดียว

ไม่อยากให้รัฐมุ่งกับการพัฒนาบนแม่น้ำโขง​ เพราะน้ำโขงตอนนี้ป่วยและกำลังจะตาย

โขงเลยชีมูลไม่ควรทำ​ ลงทุนเยอะ​ ผลกระทบมาก​ เหมือนสร้างแม่น้ำสายใหม่​ ชาวบ้านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระทบตัวเองรึเปล่าอาจารย์สันติภาพกล่าว

อาจารย์สันติภาพ เผยกับนักข่าวอีกว่า เครือข่ายนักวิชาการลุ่มน้ำโขงอีสานพยายามจะทำงานวิจัยเพื่อศึกษาตามพื้นที่ ที่มีโครงการที่สุ่มเสี่ยงเกิดผลกระทบ ทำให้ภาคประชาชนและชาวบ้านเข้มแข็ง รับรู้ข้อมูลถึงการบริหารจัดการน้ำทั้งอีสาน และเราเกาะติดสถานการณ์บนแม่น้ำโขง พร้อมทั้งเราจะทำข้อเสนอต่อรัฐบาลต่อไป