ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

กรรมการสุขภาพแห่งชาติ เร่งสานพลังรับมือสังคมสูงอายุ ย้ำผู้สูงวัยไม่ใช่ภาระ ต้องเป็นพลังสังคม

กรรมการสุขภาพแห่งชาติ เร่งสานพลังรับมือสังคมสูงอายุ  ย้ำผู้สูงวัยไม่ใช่ภาระ ต้องเป็นพลังสังคม

16 November 2015

1007

    รองนายกรัฐมนตรี (พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย) ประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับภารกิจสร้างระบบรองรับสังคมผู้สูงอายุอย่างมาก ทุกฝ่ายต้องร่วมมือทำให้สำเร็จเป็นรูปธรรม มอบหมายสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ประสานสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนการปฏิรูประบบรองรับสังคมผู้สูงวัยด้านสุขภาพ รับมือสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในปี ๒๕๖๔ เน้นหัวใจความสำเร็จอยู่ที่ต้อง “แปรภาระให้เป็นพลัง” ให้ได้ ในการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เมื่อ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ รองนายกรัฐมนตรี(พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย) ประธานกรรมการฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร) รองประธานกรรมการฯ พร้อมกรรมการจากหน่วยงานของรัฐ สภาวิชาชีพ ผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนองค์กรประชาชนจากพื้นที่ ร่วมพิจารณาแนวทางการปฏิรูประบบเพื่อรับมือสังคมสูงอายุของไทยในอนาคต ซึ่งมีข้อมูลทางวิชาการชัดเจนว่า โครงสร้างประชากรไทยได้เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ในอีก ๕ ปีข้างหน้า หรือปี พ.ศ.๒๕๖๔ ประเทศไทยจะก้าวสู่สังคมสูงอายุอย่างสมบูรณ์ (Complete Aged Society) โดย ๑ ใน ๕ ของประชากรทั้งหมดจะมีอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป และในอีก ๒๐ ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ.๒๕๗๘ อัตรานี้จะสูงถึงร้อยละ ๓๐ กลายเป็นสังคมสูงอายุระดับสุดยอด (Super Aged Society) ขณะนี้พบว่า มีกลไก กิจกรรมมุ่งทำงานเรื่องผู้สูงอายุมากมาย เช่น มีคณะกรรมการฯ ภายใต้พระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.๒๕๕๖ ที่เป็นร่มใหญ่ มีการจัดทำแผนบูรณาการงานสังคมของ ๙ หน่วยงานรัฐ ทั้งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มหาดไทย แรงงาน ศึกษาฯ วิทยาศาสตร์ฯ ท่องเที่ยวฯ สาธารณสุข สปสช. และ สสส. เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ขณะที่ข้อเสนอจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่เคยเสนอคณะรัฐมนตรีว่าต้องปฏิรูประบบรองรับสังคมผู้สูงอายุในภาพรวม ๔ ด้านพร้อมกัน คือ ๑) ด้านเศรษฐกิจ สร้างหลักประกันรายได้และศักยภาพผู้สูงอายุ ๒) ด้านสังคม ครอบครัว ชุมชน เอกชน รัฐ ต้องเตรียมพร้อมเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ ๓) ด้านการปรับสภาพสิ่งแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสาธารณะที่เอื้อต่อการใช้ชีวิตของผู้สูงวัย ต้องสร้างชุมชนน่าอยู่ บ้านปลอดภัยวัยเกษียณ และ ๔) ด้านสุขภาพ สร้างเสริมชุมชนเข้มแข็ง ปฏิรูประบบบริการและระบบดูแลสุขภาพชุมชนเมือง ในระดับพื้นที่ก็มีคณะอนุกรรมการส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมด้านผู้สูงอายุจังหวัด สาขาสมาคมผู้สูงอายุและชมรมผู้สูงอายุ แต่การดำเนินงานเหล่านี้ยังไม่สามารถสร้างพลังขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติได้เต็มที่ ติดขัดทั้งที่ทุกหน่วยงานมีตัวชี้วัดเฉพาะ และขาดกลไกประสาน บูรณาการงาน พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการฯ กล่าวว่า “รัฐบาลนี้มุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก ขณะนี้ได้เดินหน้าเรื่องกองทุนการออมแห่งชาติไปแล้ว เรื่องนี้จะช่วยเสริมความมั่นคงทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ที่จะก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ทั้งนี้ การปฏิรูปเพื่อระบบรองรับสังคมผู้สูงวัยนั้น หัวใจหรือกุญแจแห่งความสำเร็จคือตัวผู้สูงอายุเอง ต้องแปรมุมมองของสังคมที่เห็นผู้สูงอายุเป็นภาระให้เห็นเป็นพลังสังคม ให้เห็นศักยภาพ เห็นคุณค่าในตัวผู้สูงอายุ จะทำเช่นนี้ได้ ผู้สูงอายุต้องเห็นคุณค่าของตนเอง ต้องเตรียมความพร้อมตนเอง โดยครอบครัว ชุมชน รัฐ ร่วมสนับสนุน” ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๕๐ ในการสนับสนุนให้มีกระบวนการในการพัฒนานโยบายด้านสุขภาพให้เกิดการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จึงเห็นควรให้เร่งบูรณาการแผนทุกภาคส่วน เตรียมความพร้อมทุกมิติ เพื่อสร้างระบบรองรับสังคมสูงอายุในอนาคตโดยเริ่มจากด้านสุขภาพ จึงมีมติมอบหมายให้ สช. เป็นหน่วยประสานและสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือของหน่วยงานและภาคีองค์กร เครือข่ายต่างๆขับเคลื่อนเรื่องนี้ เพื่อมุ่งให้ผู้สูงอายุไทยกลายเป็นพลังสังคมที่สำคัญ มากกว่าเป็นภาระสังคม ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รองประธานกรรมการฯ กล่าวในช่วงท้ายว่า “ในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ นี้ กระทรวงสาธารณสุข และ สปสช. ได้จับมือกันดำเนินโครงการดูแลผู้สูงอายุทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างครบวงจร โดยเน้นที่กลุ่มติดบ้าน ติดเตียงก่อน ตามข้อมูลกลุ่มนี้มีอยู่ประมาณ ๑.๘ ล้านคน หรือร้อยละ ๑๕ ของผู้สูงอายุทั้งหมด โดยได้จัดสรรงบประมาณกว่า ๖๐๐ ล้านบาท ทำงานผ่านทีมหมอประจำครอบครัว รพ.สต. และอาสาสมัครสาธารณสุข ระยะแรกจะเริ่มที่ ๘๐๐-๑,๐๐๐ หมู่บ้านก่อน จะมีการประเมินผลในช่วงปลายปีด้วย ดังนั้นการที่ สช. จะมาช่วยเป็นหน่วยประสานความร่วมมือในเรื่องนี้เป็นบทบาทที่สมควร และกระทรวงสาธารณสุขยินดีร่วมในการดำเนินงานดังกล่าวอย่างเต็มที่”     รายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ สำนักการสื่อสารทางสังคม สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) นันทพร เตชะประเสริฐสกุล โทร ๐๒ ๘๓๒ ๙๑๔๓, ๐๘๑ ๕๘๔ ๐๐๘๐ อีเมล์ nantaporn@nationalhealth.or.th  

Recent posts