ทีมทนายความจำเลยในคดีฆาตกรรมที่เกาะเต่ายื่นคำแถลงการณ์ปิดคดี เพื่อเสนอข้อคิดเห็นต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยในการวินิจฉัยคดี
29 October 2015
1409
หากมีข้อที่ต้องการซักถามเพิ่มเติมนอกเหนือจากแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนฉบับนี้ โปรดติดต่อ:
- นายนคร ชมพูชาติ(หัวหน้าทีมทนายความจำเลย) nakhonct@gmail.com +66(0)818 473086)
- นายอานดี้ ฮอลล์(ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ - MWRN)
andyjhall1979@gmail.com +66(0)846 119209)
- นายโก เส่ง เต (ประธานเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ - MWRN) kzlinn.sein@gmail.com +66(0)946 792478)
ทีม ทนายความอาสาช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายของสภาทนายความ ซึ่งทำงานเพื่อ สาธารณประโยชน์โดยไม่รับค่าตอบแทน ได้ให้ความช่วยเหลือแก่จำเลยที่เป็นแรงงานข้ามชาติชาวพม่าสองคน ในการทำ หน้าที่ทนายความแก้ต่างให้ในคดีที่ถูกฟ้องว่า ข่มขืนและฆ่านักท่องเที่ยวหญิงชาวอังกฤษและฆ่านักท่องเที่ยวชายชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า ประเทศไทย เมื่อเดือนกันยายน 2557 ได้ยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดี จำนวน 56 หน้า เพื่อแสดงข้อคิดเห็นต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย ในการวินิจฉัยคดี วันนี้ คำแถลงการณ์ปิดคดีถือเป็น การทำงานครั้งสุดท้ายของทีมทนายความจำเลยก่อนศาลมีคำพิพากษา หลังจากที่ทีม ทนายความไทยจำนวน 7 คน ได้ร่วมกันต่อสู้คดีกันมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปี โดยได้รับความช่วยเหลือและ การสนับสนุนด้านต่างๆ จากชาวพม่า ออสเตรเลียและอังกฤษ ทั้งในฐานะผู้ช่วยและที่ปรึกษา เพื่อให้แน่ใจว่า จำเลยทั้งสองจะได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรมและ สามารถต่อสู้คดีได้อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่ง คำให้การของพยานบุคคลในคดี สื่อต่างๆ ได้นำเสนอต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวาง โดยการสืบพยานสิ้นสุดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2558 รวมพยานบุคคลจำนวน 34 ปาก ใช้เวลารวม 21 วัน พร้อมทั้งมีการนำเสนอพยานเอกสารจำนวนหลายพันฉบับ โดยศาลจังหวัดเกาะ สมุยนัดคู่ความมาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 24 ธันวาคม 2558
ฮันน่าห์ วิเตอร์ริดจ์ (23) และเดวิด มิลเลอร์ (24) ถูก ฆาตกรรม เมื่อเช้าวันที่ 15 กันยายน 2557 ที่เกาะเต่า ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอ่าวไทย การ สืบสวนเหตุฆาตกรรมเพื่อหาฆาตรกรของพนักงานสอบสวนไทย ถูกวิพากษ์วิจารณ์ อย่างหนักทั้งในและต่างประเทศ ในประเด็นเรื่องการเก็บหลักฐานทางนิติวิทยา ศาสตร์ และข้อกล่าวหาในเรื่องการทรมานจำเลยทั้งสองคนระหว่างการสืบ สวน ความท้าทายต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ไทยที่กำลังเผชิญอยู่นี้ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความปลอดภัยในการท่อง เที่ยวในประเทศไทยเช่นเดียวกัน
เมื่อ วันที่ 2 ตุลาคม 2557 ซอ ลิน และไว เพียว (วิน ซอ ตุน) แรงงานข้ามชาติ อายุ 22 ปี จากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาร์ ได้ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หลังจาก นั้น จึงมีการแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งสองเพิ่มเติมในเรื่องการข่มขืน ฆาตกรรมและลักทรัพย์ ฮันน่าห์ วิเตอร์ริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์ ซึ่งในช่วงแรกจำเลยทั้งสองคนให้การรับสารภาพในระหว่างการจับกุมและสอบ สวน โดยมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพการฆ่าและข่มขืนกระทำชำเราในสถานที่ เกิดเหตุต่อหน้าสาธารณชน และมีการแสดงในสถานที่ทำการสอบสวน
เมื่อ วันที่ 14 ตุลาคม 2557 พนักงานอัยการขอศาลสืบพยานล่วงหน้าก่อนฟ้องคดี จำเลยทั้งสองเห็นว่า อยู่ในศาลได้ จึงแจ้งแก่ทนายความที่มาจากสภาทนายความว่าไม่ได้กระทำความผิด ตามที่ถูกกล่าวหา ภายหลังทนายความได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากจำเลยทั้งสองว่า เหตุที่รับสารภาพเพราะถูกทรมานและทำร้ายร่างกายในระหว่างถูกควบคุมตัวก่อน ที่จะถูกนำตัวไปให้พนักงานสอบสวนซักถาม เพื่อให้มีการบันทึกคำรับสารภาพโดย ไม่สมัครใจ เครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ (Migrant Worker Rights Network - MWRN) และกลุ่มรณรงค์เพื่อปกป้องสิทธิ จึงได้ร้องเรียนต่อสภาทนายความให้ช่วยจัด หาทนายความช่วยเหลือจำเลยทั้งสอง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า พวกเขาจะสามารถต่อสู้คดีตามข้อกล่าวหาได้อย่างเต็มที่และได้รับการพิจารณา คดีอย่างเป็นธรรม และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความอยุติธรรมในคดีที่มีความ ร้ายแรง ซึ่งมีการถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชนอย่างกว้างขวาง
ใน การฟ้องคดีนี้ใช้เวลานานถึงสองเดือน นับแต่ที่มีการจับกุมจำเลยทั้ง สอง อันเป็นผลมาจากการที่สื่อมวลชนและนักการทูตให้ความสนใจคดีนี้เป็นอย่าง มาก นอกเหนือไปจากการเรียกร้องขอความเป็นธรรมของจำเลยกับครอบและสาธารณ ชน จนมีการสอบสวนจำเลยทั้งสองเพิ่มเติม โดยต่างยืนยันว่า พวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์และไม่เต็มใจในการรับสารภาพ อย่างไรก็ตาม พนักงาน อัยการได้ยื่นฟ้องอาญาทั้งซอ ลิน และ ไว เพียว หลายข้อหาต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2557 หลังจากการนัดตรวจพยานหลักฐานหลายครั้ง ผู้พิพากษาเห็นชอบที่จะให้ เวลาที่เพียงพอแก่จำเลยเพื่อเตรียมการต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่ จึงกำหนด ให้มีการพิจารณาคดีเป็นเวลา 21 วัน โดยเริ่มสืบพยานโจทก์ก่อนนัดแรก ในวันที่ 8 กรกฎาคม 2558
คำ แถลงการณ์ปิดคดีที่มีการยื่นต่อศาลจังหวัดเกาะสมุยในวันนี้ ได้นำเสนอราย ละเอียดและข้อสรุปประเด็นสำคัญในการต่อสู้คดีของฝ่ายจำเลย จากการสืบพยาน จำเลย 13 ปาก ในศาล เพื่อแสดงให้เห็นว่า มีเหตุที่ควรเชื่อถือพยานจำเลยมากน้อยเพียงใด รวมทั้งนำเสนอการสืบพยานของ ฝ่ายโจทก์ด้วย เช่นกัน เพื่อเปรียบเทียบความน่าเชื่อถือของพยานโจทก์ให้ศาลพิจารณา ดัง นี้
(1) การ ดำเนินคดีกับจำเลยก่อนฟ้องคดี ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะกระบวนการสอบสวนหลังการจับกุมและแจ้งข้อหาไม่ถูก ต้อง มีการสอบสวนในฐานะพยาน แต่กลับมีคำรับสารภาพคดีฆ่าและข่มขืนกระทำ ชำเราในคำให้การนั้น โดยไม่มีทนายความหรือบุคคลที่จำเลยไว้ใจร่วมอยู่ในการ สอบสวนด้วย ไม่มีการแจ้งสิทธิของผู้ต้องสงสัยในคดีอาญาหรือการอธิบายลักษณะ ของข้อหาอันเป็นเหตุจับกุมให้พวกเขาฟัง ไม่มีการจัดล่ามแปลภาษาและตัวแทน ผู้ต้องหาเพื่อปกป้องสิทธิทางกฎหมายให้อย่างถูกต้องและเหมาะสม และระบุถึง การนำตัวอย่างดีเอ็นเอไปโดยไม่สมัครใจ แล้วจึงเสนอว่า พยานหลักฐานในชั้นนี้ ศาลไม่ควรรับฟัง
(2) คำ รับสารภาพที่โจทก์อ้างต่อศาล ถูกทำขึ้นโดยไม่สมัครใจ เพราะเหตุที่จำเลยถูกทรมานและข่มขู่จนทำให้เกรง กลัวต่อชีวิตและความปลอดภัย ซึ่งมักมีแรงงานข้ามชาติบนเกาะเต่ารายงานว่า ถูกกระทำทารุณอยู่เสมอ คำสารภาพที่เป็นลายลักษณ์อักษร แม้มีการลงชื่อ ไว้ ก็ไม่อาจรับฟังได้ รวมทั้งเอกสารอื่นๆ ที่ถูกบังคับให้ลงชื่อ โดยไม่ทราบถึงผลที่เกิดขึ้น คำสารภาพหรือการจำลอง เหตุการณ์ที่ได้มีการบันทึกวิดีโอส่งศาลในคดีนี้ จึงมีขึ้นโดยจำเลยไม่ สมัครใจ กระทำไปเพราะถูกข่มขู่ว่าจะมีการใช้ความรุนแรง แล้วจึงเสนอว่า พยานหลักฐานเหล่านี้ ศาลไม่ควรรับฟังและเป็นหลักฐานที่ไม่อาจรับฟังได้
(3) จำเลยไม่เกี่ยวข้องกับอาวุธที่ใช้ก่อเหตุฆาตกรรม (จอบ) เพราะไม่ปรากฏดีเอ็นเอที่จอบ แต่ปรากฏข้อมูลดีเอ็นเอของบุคคลอื่นแทน
(4) หลัก ฐานดีเอ็นเอที่อ้างว่า เชื่อมโยงจำเลย พยานวัตถุหรือหลักฐานแวดล้อมทั้งหมดที่สามารถจะยืนยันความ ผิดจำเลย ขาดความน่าเชื่อถือและไม่อาจรับฟังได้ เพราะกระบวนการจัดเก็บ การทดสอบ หรือการวิเคราะห์ตามหลักสากลที่ได้รับการยอมรับ เช่น มาตรฐาน ISO 17025 ทำให้หลักฐานนี้ไม่อาจนำมายืนยันความผิดจำเลยโดยปราศจากข้อสงสัยใดๆ ว่า กระทำการข่มขืนชำเราผู้ตาย
เพศ หญิง หรือฆ่าผู้ตายเพศผู้ตายเพศชายได้ ซึ่งรวมทั้งหลักฐานทางวัตถุที่จะเชื่อม โยงจำเลยเข้ากับสถานที่เกิดเหตุ เช่น ก้นบุหรี่ การลักโทรศัพท์มือถือและแว่นกันแดดของผู้ตายเพศชาย รวมถึง “ชายที่กำลังวิ่ง” ที่ถูกจับภาพได้ในกล้องวงจรปิด
(5)
สำนวน ของโจทก์ขาดหลักฐานชิ้นสำคัญที่จำเป็นในการพิสูจน์ความผิดของจำเลย ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ รายงานการชันสูตรพลิกศพ และขั้น ตอนกระบวนการวิเคราะห์ดีเอ็นเอ เอกสารเกี่ยวกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่อยู่ในความควบคุม และบันทึกห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับการวิเคราะห์ดีเอ็น เออย่างละเอียด นอกจากนี้ เสื้อผ้าและผิวตามร่างกายของผู้ตายเพศหญิงซึ่งคาดว่าจะมีร่องรอยดีเอ็นเอที่ สำคัญของผู้กระทำผิด ยังคงไม่ถูกตรวจสอบ หรืออาจมีการตรวจสอบ แต่กลับไม่นำมารวมอยู่ในสำนวนคดีของโจทก์หรืออ้างในบัญชีระบุพยาน ซึ่งดูน่าสงสัย ภาพที่ตัดจากกล้องวงจรปิดที่โจทก์นำเสนอ ไม่สมบูรณ์และไม่ มีการเสนอหลักฐานรอยพิมพ์ลายนิ้วมือหรือรอยเท้า แต่อย่างใด
บทสรุปของคำแถลงการณ์ปิดคดีฉบับนี้ จึงเป็นความเห็นของจำเลยที่ขอให้ศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสองเสีย ด้วยเหตุผลดังกล่าว