ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

มาช่วยกันเบิ่งเมืองอุดร ให้มันคักๆ

มาช่วยกันเบิ่งเมืองอุดร ให้มันคักๆ

13 December 2012

1159

คอลัมน์…เบิ่งคักๆ วันที่ 24 พ.ย.52 เรื่อง...มาช่วยกันเบิ่งเมืองอุดร ให้มันคักๆ โดย...ปราณ ป้องถิ่น สายลมหนาวปลายเดือนพฤศจิกายนโหมพัดผ่านผิวกาย และใบหน้าอันหยาบกร้านของพี่น้องหมู่เฮาชาวนา ซึ่งยังได้หอบเอาความหวังจากเมล็ดข้าวสีทองหน้าฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวมาพร้อมด้วย ทั้งนี้ราคาข้าวเปลือกได้ทะยานสูงขึ้นกว่าทุกปีถึงตันละประมาณ 1.4-1.5 หมื่นบาท แต่ถึงแม้ว่าราคาข้าวที่ทำนามาทั้งปีจะต่ำกว่าราคาทองคำหนัก 1 บาท ซึ่งอยู่ที่ราว 1.8 หมื่นบาทก็ตาม และนั่งคิด คำนวณเล่นๆ ดูว่า ชาวนาต้องขายข้าวถึงประมาณ 1.3 ตัน ถึงจะได้ทองหนัก 1 บาท 1 เส้น ก็เพราะชาวนาผู้ผลิตข้าวเพื่อให้คน (รวมทั้งสัตว์ด้วย) กินแท้ๆ แต่ไม่สามารถกำหนดราคาได้เองเหมือนพ่อค้าทองคำ เฮ้อ! อย่างไรก็ดีหากว่าปีไหนน้ำท่าดี ข้าวงาม ชาวนาก็ยิ้มหน้าบานกันถ้วนทั่ว และมีความสุขได้เหมียนกัน! รุ่งเช้าพระอาทิตย์ยังไม่โผล่ขึ้นจากขอบฟ้าเสียงไก่โต้งขันเจื้อยแจ้ว ก็จะได้ยินเสียงรถอีแต๊กค่อยๆ ทยอยวิ่งออกไปสู่ท้องทุ่งนา พร้อมขนข้าวของอุปกรณ์ทำนาพะรุงพะรัง พอยังไม่ถึงสองโมงเช้าดีนักในหมู่บ้านก็จะเงียบกริบ แต่ทุ่งนากลับคลาคล่ำไปด้วยเสียงเพลงอันเพลิดเพลินจากลำโพงของวิทยุทรานซิสเตอร์ นานาสาระจากผู้จัดทำรายการวิทยุชุมชนคนฮักถิ่น และก็มีเสียงเกราะที่ห้อยอยู่บนคอของเจ้าทุย ซึ่งปีนี้พี่น้องชาวนาในพื้นที่โครงการเหมืองแร่โปแตชอุดรธานี นอกจากจะหน้าชื่นตาบานกับข้าวในนาแล้ว ก็ยังมีความสุขกับการเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวอย่างมีความสงบสุข คงยังพอจำกันได้เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาเดียวกันนี้ในพื้นที่เหมืองโปแตชอุดรฯ เกิดเป็นข่าวคราวครึกโครม จากการพยายามของฝ่ายข้าราชการกรมเหมืองแร่ (กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่) ร่วมกับบริษัทผู้ขอสัมปทานทำเหมือง (บริษัท เอเชียแปซิกฟิก โปแตชคอร์ปอเรชั่น จำกัด ปัจจุบันเป็นบริษัทในเครือของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ดีเวล็อปเมนต์จำกัด (มหาชน)) ได้ลักลอบเข้าพื้นที่ชาวบ้านเพื่อทำการรังวัด ปักหมุดเขตเหมือง (รวมเนื้อที่กว่า 2 หมื่นไร่) และการอาศัยช่องทางตามกฎหมายเพื่อผลักดันให้เกิดเวทีการชี้แจงตามขั้นตอนประทานบัตรเดินหน้าให้จงได้ จากสถานการณ์เหล่านี้ทำให้พี่น้องต้องวางเคียวและมัดข้าวเสียสละเวลาอันมีค่าออกมาคัดค้าน และขับไล่กระบวนการที่ไม่มีความชอบธรรมนี้ จนกระทั่งเกิดเป็นคดีความฟ้องร้องชาวบ้าน 5 คน แต่เดชะบุญ! ฟ้ามีตาเมื่อศาลตัดสินยกฟ้อง (เดือนธันวาคม ปี2549) พร้อมเหตุผลสนับสนุนว่าการกระทำของชาวบ้านเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ (ปี 2540) เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่น ที่ผ่านมาฝ่ายชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานีก็ยังได้เรียกร้องต่อรัฐบาล เพื่อให้ทำการศึกษายุทธศาสตร์แร่โปแตช ซึ่งเนื้อที่แล้วกว่า 6.5 แสนไร่ อย่างรอบด้าน (ได้แก่ที่จังหวัด สกลนคร ชัยภูมิ นครราชสีมา มหาสารคาม ขอนแก่น และอุดรธานี) ควรมีการประเมินหรือวิเคราะห์ถึงผลดี ผลเสียที่จะได้รับ ตลอดจนการเสนอทางเลือกให้แก่การพัฒนา สร้างกระบวนการมีส่วนร่วม ที่โปร่งใส และเป็นธรรม หรือที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า Strategic Environmental Assessment : SEA โดยเฉพาะเหมืองแร่โปแตชอุดรฯ ชาวบ้านก็ได้มีข้อเสนอต่อผู้ว่าฯ เพื่อให้ทำการศึกษา SEA ระดับจังหวัด เพราะหากเกิดเหมืองโปแตชที่อุดรฯ ขึ้นจริง ก็จะเป็นแบบอย่าง หรือบรรทัดฐานให้กับเหมืองโปแตช รวมทั้งเหมืองแร่ในที่อื่นๆ อีก เราจึงต้องช่วยกันเบิ่งให้คักๆ ก่อนตัดสินใจว่าการทำเหมืองโปแตชคือคำตอบของคนอุดร หรือทางเลือกของการพัฒนาเมืองอุดรฯ แล้วหรือไร? และชาวบ้านเองก็เชื่อว่าหากผู้ว่าฯ ยอมทุ่มงบสักก้อนลงมาเพื่อให้ทำการศึกษา SEA ระดับจังหวัด ก็รับรองว่าจะได้ประโยชน์มากกว่าการผลาญเอางบประมาณแผ่นดินหลายล้านบาทเพื่อไปดูเหมืองร้างที่ประเทศเยอรมันของคณะผู้ว่าฯ กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างแน่นอน เมื่อนั่งรถเข้าเมืองอุดรฯ ก็จะแลเห็นป้ายขนาดใหญ่ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการผลิตข้าวเหนียวหอมเพื่อความมั่นคงทางด้านอาหารและการแปรรูป จังหวัดอุดรธานี ปี 2552 โดยมีผู้ว่าฯ นายอำนาจ ผการัตน์ ยืนยิ้มแป้นใส่เสื้อย้อมครามผูกผ้าขาวม้า หาบมัดกล้า ยืนเด่นเป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่ตามแยกต่างๆ ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจจากสำนักงานเกษตร จ.อุดรธานี ระบุว่า จ.อุดรธานี ถือเป็นแหล่งผลิตข้าวเหนียวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ ในปีการผลิต 2551/52 นี้ มีพื้นที่ปลูกข้าวเหนียว 1,652,266 ไร่ มีชาวนาหรือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 147,896 ครัวเรือน มีค่าใช้จ่ายในการผลิต 2,515 บาทต่อไร่ มีผลผลิตเฉลี่ย 420 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวรวมประมาณ 693,951 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ทางจังหวัดจึงได้จัดสรรงบประมาณกว่า 33 ล้านบาทให้สำนักเกษตร จ.อุดรธานี ดำเนินโครงการดังกล่าว ข้อมูลเหล่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ควรจะนำมาศึกษาทางเลือกการพัฒนาเมืองอุดร ซึ่งคนอุดรต้องช่วยกันเบิ่งให้คักๆ เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันสร้างสรรค์สังคม ให้มีองค์ความรู้และก้าวไปให้พ้นจากมุมมองการพัฒนาเดิมๆ เพราะคนอุดรจะต้องกำหนดอนาคตของเมืองอุดรด้วยตนเอง... //-/-/-/---/-/--/-//-/-/-/-/-//-/-/-/---/-/-/

Recent posts