30 October 2012
1244
วันที่ 17 ม.ค. 2553 เวลา : 10:12 น. แม่ฮ่องสอน/ชาวบ้านร่วมกับพันธมิตรจัดพิธีบวชป่าต้านเหมืองพลวง ชี้เหมืองเปิดมาปี 2516 และปิดไปกว่า 15 ปีเพราะขุดแร่หมด เหตุใดต้องมาเปิดอีก เชื่ออาจไม่ชอบมาพากล ลั่นร่วมปกป้องผืนป่า ทรัพยากรต่างๆไว้ชั่วลูกหลาน เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา ณ วัดบ้านต่อแพ ชาวบ้านหมู่ที่ 1 บ้านต่อแพ และชาวบ้าน หมู่ที่ 8 บ้านหลวง ต.แม่เงา อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ร่วมกันทำพิธีบวชป่า ในพื้นที่กว่า 216 ไร่ ซึ่งในงานพิธีบวชป่าครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมทั้งในและนอกพื้นที่มากกว่า 150 คน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรมบวชป่าครั้งนี้ เป็นผลจากการที่มีหนังสือแจ้งเรื่องการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่พลวงมายัง อบต.แม่เงา อ.ขุนยวม ซึ่งมีพื้นที่ดำเนินการในเขตหมู่ที่ 8 ต.แม่เงา ครอบคลุมพื้นที่ป่าประมาณ 216 ไร่ ซึ่งชาวบ้านเผยว่าพื้นที่เดียวกันนี้เคยเป็นเหมืองแร่พลวงมาก่อน ซึ่งได้เปิดดำเนินการในปี 2516 และได้ยุติการดำเนินการมาแล้วประมาณ 15 ปี ดังนั้นการมาขอประทานบัตรทำเหมืองแร่พลวงใหม่อีกครั้ง นอกจากจะทำลายพื้นที่ป่าแล้ว ชาวบ้านยังตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อเหมืองพลวงเดิมนั้นได้ยุติการดำเนินการไปแล้วหมายความว่าแร่พลวงได้หมดไป ดังนั้นการมาขอประทานบัตรใหม่คงไม่มีแร่พลวงให้ขุด ดังนั้นเรื่องนี้เป็นไปได้ว่ามีความไม่ชอบมาพากลจึงได้จัดกิจกรรมบวชป่าในบริเวณพื้นที่ที่จะมีการดำเนินการขึ้นเพื่อแสดงเจตจำนงของชาวบ้านว่าไม่เอาเหมืองพลวง นางวนิจชญา กันทะยวง ผู้ประสานงานกลุ่มดอยหมอกเพื่อการพัฒนาขุนยวม อ.ขุนยวม กล่าวว่า การทำพิธีบวชป่าในครั้งนี้ มีชาวบ้านให้ความร่วมมือมากพอสมควร ซึ่งตอนกลางคืนของวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา มีการทำเวทีประชาคมชาวบ้าน เรื่องการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่พลวงว่า ชาวบ้านเห็นด้วยหรือไม่ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านการเข้ามาทำเหมืองแร่พลวงในพื้นที่ป่าดังกล่าว และวันที่ 15 ม.ค. 53 เวลา 10.00 น. มีชาวบ้านกว่า 150 คน จากหมู่ที่ 1 บ้านต่อแพ และหมู่ที่ 8 บ้านหลวง ต.แม่เงา อ.ขุนยวม ร่วมกันทำพิธีทางศาสนา ณ วัดบ้านต่อแพ หลังจากนั้นชาวบ้านได้เดินทางไปยังพื้นที่ป่า 216 ไร่ ที่จะมีการขอประทานบัตรในพื้นที่ป่าดังกล่าว โดยชาวบ้านได้นำจีวร หรือผ้าเหลืองผูกติดกับต้นไม้ เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ว่าพื้นที่ป่าแห่งนี้ได้บวชเรียบร้อยแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดมาทำลาย นางวนิจชญา กล่าวอีกว่า พิธีบวชป่าในครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และนายอำเภอขุนยวม เป็นอย่างดี นอกจากนี้ นายธนะสิทธิ์ เนื้อนวลจันทร์ ผู้ใหญ่บ้านบ้านหลวง หมู่ที่ 8 ได้พูดคุยกับชาวบ้านในที่ประชุมว่า เรายังใช้วิถีชีวิตชุมชนแบบเดิม ถึงแม้ว่าทางการจะเดินหน้าทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ในพื้นที่ขึ้นก็ตาม และชาวบ้านที่นี่ไม่ต้องการให้คนนอกเข้ามาในพื้นที่เพื่อทำลายป่า หรือเข้ามาทำเหมืองในพื้นที่อย่างแน่นอน "การทำพิธีบวชป่าในครั้งนี้เป็นการประกาศชัดเจนว่า ป่าแห่งนี้ชาวบ้านที่นี่มีความหวงแหน และไม่ต้องการให้ใครมาทำลายป่าของเรา นอกจากนี้การบวชป่าเป็นกลไกสำคัญที่จะสามารถเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ สร้างความรัก ความสามัคคีในชุมชน อีกทั้งเพื่อรักษาผืนป่า สัตว์ป่า ให้อยู่ไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลานของเรา ด้วยพลังแห่งความศรัทธา ซึ่งเป็นพลังชุมชนอย่างแท้จริง" นางวนิจชญา กล่าว ผู้ประสานงานกลุ่มดอยหมอกเพื่อการพัฒนาขุนยวม กล่าวทิ้งท้ายว่า สิ่งสำคัญที่สุด เราต้องการให้ชุมชนมีความสามัคคี รักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน ในส่วนเรื่องสิทธิ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ชาวบ้านจะต้องเรียนรู้ว่า เรามีสิทธิใดบ้าง เช่นสิทธิส่วนบุคคล สิทธิป่า เป็นต้น ซึ่งเมื่อก่อนชาวบ้านไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องสิทธิ เพราะชาวบ้านสนใจเพียงการทำมาหากินของตนเองเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่นี่ทำให้ชาวบ้านมีความตระหนักและสนใจ คำว่า สิทธิ หรือ รัฐธรรมนูญมาตรา 67 ที่สามารถเป็นเครื่องมือในการพูดคุยกับผู้ใหญ่ มากขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่สำหรับการต่อสู้ และสร้างชุมชนที่สามารถเป็นเกราะป้องกันผู้ที่จะเข้ามาทำลายทรัพยากรในผืนแผ่นดินของเรา เพราะชุมชนที่นี่ใช้ชีวิตแบบพอเพียงเจริญรอยตามพ่อหลวงของเรา. ที่มา http://www.prachatham.com/detail.htm?code=n2_17012010_02