22 December 2025
5859
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ทวงถามความคืบหน้าคดีเหมืองโปแตช จี้อุตสาหกรรมจังหวัด-ผู้ว่าฯ รับผิดชอบ หลังคดีค้างกว่า 3 ปี และประชุมคณะทำงานถูกเลื่อนซ้ำ
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568 กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด เดินทางไปยื่นหนังสือที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา เพื่อทวงถามความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อบริษัท ไทยคาลิ จำกัด กรณีการทำเหมืองโปแตช หลังสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2565 แต่กลับไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมมานานกว่า 3 ปี
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความคืบหน้าของคดีเกิดขึ้นได้จากการที่ชาวบ้านต้องติดตามสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยตนเอง ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 พ.ต.ท.สุวรรณ เต็งตระกูลเจริญ รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.ด่านขุนทด ให้ข้อมูลว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมาได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัท ไทยคาลิ จำกัด เพิ่มอีก 1 คดี กรณีไม่ปูผ้ายางรองก้นบ่อ ซึ่งได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว และเตรียมส่งสำนวนให้อัยการในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2568 แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดให้กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ทราบได้ เนื่องจากไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง
ด้วยเหตุนี้ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ จึงยื่นข้อเรียกร้องให้อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมาชี้แจงอย่างเป็นทางการใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. การแจ้งความดำเนินคดีบริษัท ไทยคาลิ จำกัด ในประเด็นใดบ้าง และใช้กฎหมายใด
2. ปัจจุบันคดีอยู่ในขั้นตอนใด อัยการมีคำสั่งฟ้องหรือไม่
3. หากอัยการสั่งฟ้อง อุตสาหกรรมจังหวัดจะเข้าร่วมเป็นโจทก์ร่วมหรือไม่
ด้านนายอารยะ เนตวงษ์ ผู้อำนวยการระดับสูง สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา ชี้แจงว่า เพิ่งย้ายมารับตำแหน่งใหม่ ยังไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเหมืองของบริษัท ไทยคาลิ และขอเวลาในการศึกษาเพิ่มเติม พร้อมระบุว่าจะชี้แจงเป็นหนังสือต่อไป อย่างไรก็ตาม กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ยืนยันว่าต้องการคำตอบภายในวันเดียวกัน โดยเห็นว่าหน่วยงานรัฐควรมีข้อมูลครบถ้วน เนื่องจากเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดีเอง และการจัดเก็บเอกสารราชการไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการชี้แจงต่อประชาชน
ต่อมา นางณัฏฐินา ไชยกาล นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ ชี้แจงว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดได้ทำหนังสือสอบถามความคืบหน้าคดีไปยัง สภ.ด่านขุนทด แล้ว 3 ครั้ง แต่ได้รับคำตอบเพียงว่า คดีถูกลงบันทึกเป็นคดีอาญาเลขที่ 366/2568 เมื่อวันที่ 8กันยายน 2568 ฐานขุดบ่อเก็บน้ำผิวดินเพิ่มอีก 5 บ่อ โดยไม่ได้รับอนุญาตให้แก้ไขแผนผังโครงการทำเหมือง ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2560 มาตรา 18(1) และขณะนี้ยังไม่มีการส่งสำนวนให้อัยการ
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ เห็นว่า การดำเนินคดีของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดไม่ครอบคลุมประเด็นผลกระทบที่แท้จริง ทั้งกรณีการไม่ปฏิบัติตามมาตรการ EIA การปล่อยน้ำลงสู่แหล่งสาธารณะ และการลักลอบใช้วัตถุระเบิด ซึ่งสร้างความเสียหายต่อพื้นที่เกษตร ดินเค็ม น้ำท่วมจากอุโมงค์แนวเอียง และส่งผลต่อวิถีชีวิตของชาวบ้าน แต่กลับมีการแจ้งความเพียงกรณีการขุดบ่อน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งเป็นความผิดที่มีโทษค่อนข้างเบา
นางอนุสรา ปราณีตพลกรัง ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ ระบุว่า แม้จะเข้าใจว่าผู้บริหารบางรายเพิ่งย้ายมารับตำแหน่งใหม่ แต่ความเดือดร้อนของประชาชนไม่อาจรอได้ พร้อมตั้งคำถามถึงบทบาทและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานกำกับดูแลที่ควรดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอคณะทำงาน
ในช่วงบ่าย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดฯ เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา เพื่อติดตามนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา หลังมีการเลื่อนประชุมคณะทำงานระดับจังหวัดมาแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่พบทั้งผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ โดยอ้างติดภารกิจราชการอื่น
จนกระทั่งเวลา 17.00 น. นายบัลลังก์ ไวทย์ศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้ออกมาชี้แจงว่า การประชุมคณะทำงานครั้งต่อไปจะจัดหลังวันที่ 17 มกราคม 2569 และจะเป็นการประชุมตลอดทั้งวันเพื่อหาข้อสรุป พร้อมยืนยันว่า อุตสาหกรรมจังหวัดต้องเข้าชี้แจงอำนาจหน้าที่และการดำเนินการต่อกรณีบริษัท ไทยคาลิ โดยไม่ต้องรอคณะทำงาน
ทั้งนี้ กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด ยืนยันว่าจะติดตามการทำงานของหน่วยงานรัฐอย่างใกล้ชิด เรียกร้องให้กระบวนการยุติธรรมและการแก้ไขผลกระทบเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส จริงใจ และยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นศูนย์กลาง พร้อมระบุว่า หากยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม ชาวบ้านจะเดินหน้าใช้กลไกการเคลื่อนไหวตามสิทธิที่พึงมีต่อไป
ข้อมูลและภาพจาก กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดด่านขุนทด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: