ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

แรงงานผู้ลี้ภัยเมียนมาชุดแรกเริ่มงานเก็บลำไยในจันทบุรี ภาพสะท้อนแรงขับเคลื่อนใหม่ท่ามกลางวิกฤติแรงงานภาคเกษตรไทย

แรงงานผู้ลี้ภัยเมียนมาชุดแรกเริ่มงานเก็บลำไยในจันทบุรี ภาพสะท้อนแรงขับเคลื่อนใหม่ท่ามกลางวิกฤติแรงงานภาคเกษตรไทย

19 November 2025

109

การเริ่มงานของแรงงานผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาจำนวน 201 คนในสวนลำไย อำเภอสอยดาว จังหวัดจันทบุรี เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ไม่เพียงเป็นก้าวแรกของแรงงานกลุ่มนี้สู่ตลาดแรงงานไทยอย่างถูกกฎหมาย แต่ยังสะท้อนการปรับตัวของภาคเกษตรไทยต่อปัญหาขาดแคลนแรงงานที่ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

 

กำลังแรงงานใหม่ท่ามกลางช่องว่างที่ต้องเติม

คำให้สัมภาษณ์จากผู้ประกอบการลำไยชี้ให้เห็นภาพชัดเจนว่า แรงงานเมียนมากำลังทำหน้าที่แทนแรงงานกัมพูชาที่หายไปหลังเหตุความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงกลางปี ส่งผลให้แรงงานที่เคยพึ่งพาซึ่งมากกว่า 900 คนลดลงเหลือเพียง 400-600 คนในฤดูกาลล่าสุด สถานการณ์เช่นนี้สะท้อนจุดเปราะบางของโครงสร้างแรงงานไทย ซึ่งต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติในทุกช่วงของห่วงโซ่การผลิต โดยเฉพาะสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก

แรงงานเมียนมาที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในครั้งนี้ยังแสดงศักยภาพด้านการปรับตัวที่ดี ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตั้งแต่วันแรก การเจรจาปรับเวลาปฏิบัติศาสนกิจเพื่อให้สอดคล้องกับเวลางาน สะท้อนความยืดหยุ่นและความพร้อมที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยอย่างเป็นทางการ

 

นโยบายรัฐจากการพึ่งงบมนุษยธรรม สู่การสร้างบทบาททางเศรษฐกิจ

การตัดสินใจของรัฐบาลไทยเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ที่อนุญาตให้ผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิงชั่วคราวทำงานภาคการเกษตรได้เป็นเวลา 1 ปี ถือเป็นจุดเปลี่ยนของนโยบายแรงงานและการจัดการผู้ลี้ภัย ซึ่งสอดรับกับข้อเท็จจริงด้านงบประมาณมนุษยธรรมที่ถูกปรับลดลง ทั้งจากหน่วยงานระหว่างประเทศและประเทศผู้สนับสนุนหลัก

สหประชาชาติเรียกการตัดสินใจของไทยว่าก้าวสำคัญ เพราะเปิดโอกาสให้ผู้ลี้ภัยกว่า 80,000 คนสามารถเข้าสู่ระบบแรงงานอย่างถูกกฎหมาย ลดความเปราะบาง และแบ่งเบาภาระของศูนย์พักพิง ขณะที่ประเทศไทยเองได้รับประโยชน์จากการเติมเต็มกำลังแรงงานที่ขาดแคลนอย่างชัดเจน

 

จันทบุรีพื้นที่หน้าด่านของการทดลองนโยบาย

พื้นที่ปลูกลำไยรายใหญ่ของประเทศอย่างจันทบุรีกลายเป็นสนามทดสอบที่สำคัญสำหรับนโยบายนี้ โดยฝ่ายการเมืองอย่าง ส.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน มีบทบาทในการเชื่อมโยงระหว่างผู้ลี้ภัย หน่วยงานรัฐ และผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดความราบรื่นทั้งในด้านเอกสาร การเดินทาง และการจัดสรรงาน

การสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วน เช่น ค่าตรวจสุขภาพและใบอนุญาตทำงาน ยังเป็นสัญญาณว่าผู้ประกอบการพร้อมลงทุนระยะสั้นเพื่อรักษากำลังแรงงานในระยะยาว ซึ่งมีความสำคัญต่อฤดูกาลผลิตที่มีความต้องการแรงงานกระจุกตัวสูง โดยเฉพาะฤดูตรุษจีน ที่ตลาดจีนมีความต้องการลำไยเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว

 

มิติด้านสังคมและภูมิรัฐศาสตร์ ผู้ลี้ภัยไม่ได้เป็นเพียงผู้รอความช่วยเหลือ

การเข้ามาของแรงงานเมียนมาเกิดขึ้นในบริบทที่ผู้ลี้ภัยจำนวนมากหลบหนีความรุนแรงและสงครามกลางเมืองหลังรัฐประหารในเมียนมาเมื่อปี 2564 พร้อมกับการลดงบด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ทำให้ผู้ลี้ภัยต้องการโอกาสในการพึ่งพาตนเองมากขึ้น การทำงานอย่างถูกกฎหมายจึงไม่ใช่เพียงทางออกทางเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของผู้ลี้ภัย เช่น การถูกแสวงหาประโยชน์หรือการทำงานนอกระบบ

 

นโยบายที่ตอบโจทย์ทั้งสองฝ่าย แต่ต้องบริหารจัดการต่อเนื่อง

การนำผู้ลี้ภัยเข้าสู่ตลาดแรงงานถูกมองว่าเป็นประโยชน์ร่วมทั้งต่อเกษตรกรที่ต้องการแรงงาน และต่อผู้ลี้ภัยที่ต้องการรายได้ แต่ความสำเร็จในระยะยาวยังต้องอาศัยระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็ง ความร่วมมือข้ามหน่วยงาน และการจัดการที่คำนึงถึงสิทธิและศักดิ์ศรีของแรงงาน

จันทบุรีจึงไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่เก็บลำไยในฤดูกาลนี้เท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ทดลองสำคัญของนโยบายที่อาจกลายเป็นโมเดลใหม่สำหรับการบริหารแรงงานข้ามชาติและผู้ลี้ภัยในประเทศไทยในอนาคต

 

 

อ้างอิงจาก: Reuters ,  NBT CONNEXT

ภาพจาก: NBT จันทบุรี

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ไทยปลดล็อกสิทธิทำงานผู้หนีภัยเมียนมา UNHCR ยกย่องเป็นก้าวสำคัญด้านมนุษยธรรมและเศรษฐกิจ

Recent posts