ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ ลวงไทย-ต่างชาติเป็นสแกมเมอร์

คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ ลวงไทย-ต่างชาติเป็นสแกมเมอร์

22 October 2025

279

มูลนิธิกระจกเงาเปิดข้อมูล ปี 2568 คนหายรวม 119 ราย มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 18 ราย อายุน้อยที่สุดเพียง 15 ปี เชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ บัญชีม้า และค้ามนุษย์ 

 

วันที่ 19 ตุลาคม 2568 ณ Mirror Art หลักสี่ กรุงเทพฯ มูลนิธิกระจกเงา จัดแถลงข่าวหัวข้อ “คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ : สแกมเมอร์ บัญชีม้า ค้ามนุษย์ยุคใหม่” โดยเปิดเผยสถานการณ์การคนหาย ที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่ ทั้งการหลอกลวงไปทำงานในต่างประเทศ การใช้บัญชีม้า และการค้ามนุษย์ ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก เยาวชน วัยทำงาน ผู้สูงอายุ ไปจนถึงชาวต่างชาติที่ตกเป็นเหยื่อ

มูลนิธิกระจกเงาระบุว่า ผู้ถูกหลอกจำนวนมากถูกล่อลวงไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา เมียนมา และลาว สะท้อนให้เห็นถึงภัยเงียบ ที่ต้องการความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการป้องกันและช่วยเหลือผู้สูญหายจากขบวนการดังกล่าว

 

เผยปี 2568 มีคนหาย 119 ราย เชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์

ในการแถลงข่าว นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้อำนวยการมูลนิธิกระจกเงา พร้อมด้วยทีมจากศูนย์ข้อมูลคนหาย เปิดเผยว่า ตลอดปี 2568 มูลนิธิได้รับแจ้งคนหาย รวม 119 ราย เป็นชาย 73 ราย หญิง 46 ราย และมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ถึง 18 ราย อายุน้อยที่สุดเพียง 15 ปี

นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า “แม้สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะมีการปิดด่านในบางช่วง แต่ยังมีคนถูกหลอกไปทำงานแก๊งสแกมเมอร์ถึง 46 ราย และในจำนวนทั้งหมด ยังมี 25 รายที่ยังคงติดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่สามารถกลับมาได้”

 

รูปแบบหลอกลวงแนบเนียน ‘งานออนไลน์ โรแมนซ์สแกม รถแท็กซี่มารับถึงบ้าน’

ข้อมูลจากมูลนิธิระบุว่า ผู้เสียหายส่วนใหญ่ถูกหลอกผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ประกาศรับสมัครงานที่ให้ค่าตอบแทนสูง หรือโพสต์หางานในโซเชียลมีเดีย แล้วถูกกลุ่มมิจฉาชีพติดต่อชักชวนให้เดินทางไปอบรมงาน หรือทำงานต่างจังหวัด ก่อนถูกพาออกนอกประเทศ

บางรายมีรถแท็กซี่มารับถึงหน้าบ้าน หรือมีนายหน้าออกค่าเดินทางให้ทั้งหมด ผู้เสียหายส่วนใหญ่เข้าใจว่าตนเดินทางด้วยความสมัครใจ แต่เมื่อไปถึงปลายทางกลับถูกกักขังในสถานที่ปิด ไม่สามารถติดต่อครอบครัวหรือปฏิเสธงานได้ 

“นี่คือรูปแบบใหม่ของการค้ามนุษย์ ไม่ได้ล่ามโซ่หรือใช้กำลัง แต่ใช้การหลอกลวงและบังคับทางจิตใจ ทำให้ผู้เสียหายขาดเสรีภาพในการตัดสินใจ ซึ่งถือเป็นการค้ามนุษย์ในยุคใหม่” นายเอกลักษณ์

  

ชายวัย 42 ปี ถูกหลอกข้ามแดนไปพม่า ทำงานโรแมนซ์สแกม

น.ส.กรรณิกา โมเล้น หัวหน้าฝ่ายรับแจ้งเหตุฯ มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยกรณีชายไทยอายุ 42 ปี ว่างงาน ถูกคนรู้จักที่รู้จักกันในเกมออนไลน์ชักชวนไปทำงานเทรดเหรียญคริปโต โดยออกค่าเดินทางและที่พักให้ทั้งหมด
เมื่อเดินทางถึงชายแดนกลับถูกพาข้ามไปฝั่งเมียนมา และถูกบังคับทำงานเป็นโรแมนซ์สแกม หลอกเหยื่อหญิงไทยให้ลงทุนผ่านโซเชียล

ผู้เสียหายสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านไลน์ลับกับมูลนิธิกระจกเงา ก่อนเจ้าหน้าที่ประสานหน่วยเฉพาะกิจราชมนูช่วยเหลือกลับมาไทยได้สำเร็จ

 

หนุ่มสาว วัย 18 ถูกหลอกไปปอยเปต ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ ฝ่ายชายยังหาย

อีกกรณีคือคู่รักวัยรุ่นอายุ 18 ปี ทั้งคู่มีการศึกษาชั้น ป.6 ถูกหลอกสมัครงานแอดมินเพจ ฝั่งสระแก้ว ก่อนถูกพาข้ามไปปอยเปตโดยทางธรรมชาติ
เมื่อไปถึงกลับถูกบังคับโทรหลอกคนไทยในรูปแบบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์ไม่สามารถทำงานตามเป้า บริษัทบังคับให้ฝ่ายชายทำงานเพิ่มเพื่อแลกกับการปล่อยตัวภรรยา

ฝ่ายหญิงกลับถึงไทยและคลอดบุตรแล้ว แต่ฝ่ายชายยังไม่ทราบชะตากรรม

 

ชาวต่างชาติ 5 รายถูกหลอกผ่านไทยเป็นทางผ่าน

นางสาวกนกวรรณ พูลเพิ่ม รองหัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย ระบุว่าในจำนวนผู้ถูกหลอกทั้งหมด มีชาวต่างชาติ 5 ราย ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา ไต้หวัน และจีน ส่วนใหญ่ถูกหลอกผ่านประกาศงานออนไลน์ และใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังชายแดนเพื่อนบ้าน

หนึ่งในนั้นคือหญิงไต้หวันอายุ 27 ปี เดินทางจากไต้หวันมาลงสนามบินเชียงใหม่ ก่อนถูกพาไปสามเหลี่ยมทองคำ ประเทศลาวและถูกขายต่อไปยังเขตปกครองตนเองโกก้าง รัฐฉาน ประเทศเมียนมา ครอบครัวจ่ายค่าไถ่ 200,000 บาทผ่านคริปโตฯ แต่ไม่ถูกปล่อยตัว ปัจจุบันยังไม่ทราบชะตากรรม

 

“ช่วยลูกฉันด้วย” เสียงจากแม่เด็กหญิงวัย 16 ปี

การแถลงข่าวยังมีการเปิดใจจากแม่ของ “น้องเฟิร์น” เด็กหญิงวัย 16 ปี ที่หายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2568 และติดต่อกลับมาครั้งสุดท้ายเมื่อ 7 กรกฎาคมจากประเทศกัมพูชา น้องเฟิร์นเล่าว่าถูกหลอกไปทำงาน ถูกบังคับทำงานวันละ 18 ชั่วโมง และเห็นการทำร้ายร่างกายผู้ไม่เชื่อฟัง
หลังจากนั้นเธอถูกบังคับให้กลับไทยมาหลอกคนอื่นต่อ และกลับเข้าไปอีกครั้ง ก่อนขาดการติดต่อกว่า 10 วัน

“แม่อยากให้รัฐบาลช่วยลูกด้วยค่ะ น้องเพิ่งอายุ 16 ปี เขากลัวมาก ถูกบังคับเหมือนทาส อยากให้คนไทยทุกคนช่วยน้องออกมา...”

  

มูลนิธิกระจกเงาเรียกร้องรัฐ สื่อ สังคม ตระหนักภัย “การค้ามนุษย์ยุคใหม่”

มูลนิธิกระจกเงาเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งประสานงานข้ามประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้สูญหาย และทบทวนมุมมองทางกฎหมายต่อการค้ามนุษย์รูปแบบใหม่ พร้อมเสนอให้สื่อมวลชนและสังคมช่วยเผยแพร่ข้อมูล ป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ

 

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ กล่าวว่า “ทุกวันนี้คนหายไม่ใช่เรื่องครอบครัวเท่านั้น แต่เป็นปัญหาความมั่นคงของมนุษย์และอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ต้องอาศัยความร่วมมือของรัฐ เอกชน และสื่อมวลชน”

ปรากฏการณ์ “คนหายสู่อาชญากรรมข้ามชาติ” สะท้อนการค้ามนุษย์ยุคใหม่ ที่ไม่ต้องล่ามโซ่หรือจับขัง แต่ใช้โลกออนไลน์ล่อลวงเหยื่อด้วยตนเอง

 

นายสมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาสแกมเมอร์ปัจจุบันถือเป็น อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ เพราะเชื่อมโยงข้ามประเทศและมีทุนขนาดใหญ่ โดยยกตัวอย่างกรณีสหรัฐฯ ที่กระทรวงยุติธรรมอายัดทรัพย์สินกว่า 500,000 ล้านบาทจากเคสสแกมเมอร์เพียงเคสเดียว ไม่รวมทรัพย์สินและเงินอื่นที่ยังอยู่ในระบบกลุ่มอาชญากร

นอกจากนี้หลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ตื่นตัวต่อปัญหานี้อย่างจริงจัง

สำหรับประเทศไทย นายสมบัติชี้ว่า ไทยเป็นทางผ่านของเหยื่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ กัมพูชา พม่า และลาว แม้ว่าจะมีความพยายามแก้ไขปัญหาในอดีต แต่ปัจจุบันการเปลี่ยนรัฐบาลทำให้การแก้ไขปัญหาดูเงียบและล่าช้า เมื่อเทียบกับมาตรการของนานาชาติ ซึ่งอาจกระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ

พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งออกมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ให้ใกล้เคียงมาตรการของต่างประเทศ ป้องกันไม่ให้เหยื่อตกเป็นเหยื่อและปัญหาลุกลามต่อไป

Recent posts