17 October 2025
95
รัฐสภารับหลักการแก้รัฐธรรมนูญ เปิดทางยกร่างใหม่ ร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก หลังนับคะแนนใหม่
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีมติรับหลักการ ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 เพื่อเปิดทางสู่การจัดทำ “รัฐธรรมนูญฉบับใหม่” หลังผ่านการพิจารณาในวาระแรก (วาระรับหลักการ) โดยมีร่างที่ผ่านการเห็นชอบ 2 ฉบับ คือ ร่างที่เสนอโดยพรรคประชาชน และ ร่างของพรรคภูมิใจไทย ส่วน ร่างของพรรคเพื่อไทย ไม่ผ่านมติ เนื่องจากได้เสียงจากสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งถือเป็นฉบับที่เกิดขึ้นหลังการรัฐประหารปี 2557 และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีที่มาไม่เป็นประชาธิปไตย รวมถึงออกแบบให้แก้ไขได้ยากจากโครงสร้างและกลไกของสภา โดยเฉพาะบทบัญญัติที่กำหนดให้
ด้วยเหตุนี้ การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จึงไม่สามารถทำได้ทันที แต่ต้องผ่านขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดิม เพื่อเปิดทางให้มีการยกร่างฉบับใหม่อย่างถูกต้องตามหลักกฎหมายสูงสุด
ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 พรรค
พรรคประชาชน ประชาชนร่วมออกแบบรัฐธรรมนูญ
พรรคประชาชนเสนอให้มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญและสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่
พรรคภูมิใจไทย สสร.จากมติรัฐสภา
พรรคภูมิใจไทยเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) 99 คน ที่มาจากการเลือกของสมาชิกรัฐสภา แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่
ทั้งนี้ สสร.จะเป็นผู้เลือกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป แต่ร่างไม่ได้ระบุจำนวนและที่มาของกรรมาธิการไว้ชัดเจน
พรรคเพื่อไทย ผสมผสานเลือกตั้ง-แต่งตั้ง
พรรคเพื่อไทยเสนอให้มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเช่นกัน
โดยภาพรวม ร่างของพรรคประชาชน ถือเป็นแนวทางที่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรงมากที่สุดในบรรดาร่างทั้งหมดที่เข้าสู่การพิจารณาครั้งนี้
ผลการลงมติ “รับหลักการ”

หลังจากร่างของพรรคประชาชนและภูมิใจไทยผ่านหลักการ ที่ประชุมต้องเลือกร่างหลักเพื่อใช้เป็นต้นแบบในการพิจารณาในวาระที่สอง (แปรญัตติ)
การลงมติรอบแรกทั้งสองร่างได้ เสมอกันที่ 290 เสียงต่อข้าง และมีงดออกเสียง 15 เสียง ต่อมาเมื่อมีสมาชิกบางคนขอลงคะแนนเพิ่มเติม ทำให้ผลเปลี่ยนเป็น
เกิดการประท้วงและขอให้นับคะแนนใหม่ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 58 ซึ่งกำหนดให้สามารถ “นับคะแนนใหม่โดยวิธีขานชื่อรายบุคคล” หากมีผู้รับรองอย่างน้อย 40 คน
ประธานรัฐสภา วันมูหะหมัดนอร์ มะทา จึงสั่งให้ลงคะแนนใหม่แบบขานชื่อรายคน ผลสุดท้ายคือ
ทำให้ ร่างของพรรคประชาชน ได้รับเลือกเป็นร่างหลัก สำหรับใช้พิจารณาต่อในวาระที่ 2 (แปรญัตติ) และ วาระที่ 3 (ลงมติผ่านร่าง)
หลังจากนี้ รัฐสภาจะต้องเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือนก่อนครบวาระสภา เพื่อให้สามารถจัดทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งได้ตามแผน แต่หากไม่ทันและมีการยุบสภาก่อน กระบวนการทั้งหมดอาจจะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นในสภาชุดหน้า