16 October 2025
94
บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ยันกรรมาธิการไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเงินเข้ากองทุนมาก แต่เป็นกลไกปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ก่อมลพิษ ไม่ซ้ำซ้อน ไม่ใช่ภาระงบประมาณของรัฐ
วันที่ 9 ตุลาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … หรือร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ในวาระที่ 2 โดยเป็นการพิจารณาต่อเนื่องตั้งแต่มาตรา 69/13 ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่ถูกจับตาคือการจัดตั้ง “กองทุนอากาศสะอาด” เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการมลพิษทางอากาศ ภายใต้หลักการ “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย”
วิชิต จรัสสุขสวัสดิ์ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย เสนอให้ ตัดหมวด 6/1 ว่าด้วยกองทุนอากาศสะอาด ออกจากร่างกฎหมายทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า การจัดตั้งกองทุนหมุนเวียนใหม่อาจกลายเป็นภาระทางการคลังในระยะยาว อีกทั้งยังมี กองทุนสิ่งแวดล้อม ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2537 ซึ่งสามารถนำมาใช้ในการบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก ได้ชี้แจงยืนยันถึงความจำเป็นของการจัดตั้งกองทุนอากาศสะอาด โดยระบุว่า ในวาระหนึ่ง สภาฯ ได้รับหลักการจากร่างกฎหมายฉบับประชาชนซึ่งกำหนดเรื่องกองทุนนี้ไว้แล้ว พร้อมย้ำว่าเจตนารมณ์ของกองทุนไม่ใช่การจัดเก็บเงินให้มาก แต่เป็น “เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์” เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ก่อมลพิษให้ลดการปล่อย PM 2.5 และมลพิษทางอากาศอื่น ๆ
“กรรมาธิการไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเงินเข้ากองทุนมาก โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมเพื่ออากาศสะอาด เพราะถ้ามีเงินมากก็แปลว่ายังมีคนปล่อยมลพิษมาก การมีกองทุนนี้จึงเป็นกลไกปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่ภาระงบประมาณของรัฐ” บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก
หลังการอภิปรายทั้งสองฝ่าย ที่ประชุมได้ลงมติ เห็นชอบตามกรรมาธิการเสียงข้างมาก ด้วยคะแนน เห็นด้วย 224 เสียง ไม่เห็นด้วย 11 เสียง งดออกเสียง 19 เสียง และไม่ลงคะแนน 4 เสียง ส่งผลให้หมวด 6/1 ว่าด้วย “กองทุนอากาศสะอาด” ยังคงอยู่ในร่างกฎหมายฉบับนี้
การผ่านวาระ 2 ของร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาดครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการสร้างระบบบริหารจัดการมลพิษทางอากาศอย่างยั่งยืน ภายใต้หลัก “ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย” ซึ่งมุ่งหวังให้ทุกภาคส่วนร่วมกันรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
ที่เกี่ยวข้อง :
หวั่นกองทุนอากาศสะอาดถูกถอด นักวิชาการเตือนกฎหมายไร้พลังแก้มลพิษ