แก้รัฐธรรมนูญ 60: รากฐานใหม่สู่สันติภาพยั่งยืนในชายแดนใต้
30 September 2025
17
บทเรียนจากอดีต สู่การดับ "ไฟการเมือง" ด้วยวิถีประชาธิปไตย
การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการเมืองระดับชาติ แต่เป็น วาระแห่งความอยู่รอด และเป็น กลไกสำคัญ ในการสร้าง สันติภาพที่ยั่งยืน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ การถอดบทเรียนจากเวทีเสวนา ต่างๆ เช่น “เราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้เชียวหรือ....” (ปี 2555) และการขับเคลื่อนของภาคประชาสังคมในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า สันติภาพจะเกิดขึ้นได้ เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนจากการบริหารจัดการด้วย "อำนาจพิเศษ" ไปสู่การยอมรับ "ความแตกต่าง" และ "สิทธิ" ของประชาชน ผ่านกฎหมายสูงสุดของประเทศ
จากบทเรียนเวทีเสวนาและข้อเรียกร้องของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ไม่ได้มีรากฐานจากศาสนาหรือเชื้อชาติ แต่เกิดจาก ความอยุติธรรมเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงถูกมองว่าเป็น กุญแจดอกสุดท้าย ในการ ดับไฟการเมือง ซึ่งเป็นต้นตอของความรุนแรงในพื้นที่
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60: 3 กลไกสำคัญสู่สันติภาพ
การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความสำคัญต่อสันติภาพชายแดนใต้ โดยการตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของภาคประชาชนในประเด็นสำคัญ ดังนี้
- การเปลี่ยน "นโยบายความใจดี" ให้เป็น "สิทธิตามกฎหมาย" หัวใจสำคัญของการแก้ไขที่ถูกขับเคลื่อนโดย สมาคมสมาพันธ์โรงเรียนเอกชนภาคใต้ คือการสร้างความมั่นคงทางการศึกษา ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับความเชื่อมั่นของประชาชน:
- รับรองสิทธิการศึกษา 15 ปี: รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 54 จำกัดการอุดหนุนการศึกษาโดยไม่เก็บค่าใช้จ่ายไว้ที่ 12 ปี (สิ้นสุด ม.3) การแก้ไขเพื่อยกระดับสถานะของนโยบาย "เรียนฟรี 15 ปี" (ครอบคลุมถึง ม.6) ให้เป็น สิทธิขั้นพื้นฐานที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ จะช่วยขจัดความหวาดระแวงของชุมชนว่าเงินอุดหนุนโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามจะถูกยกเลิกเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
- คืนความเชื่อมั่น: การรับรองสิทธิที่มั่นคงนี้คือการ ลดความหวาดระแวง และ สร้างความไว้วางใจ ระหว่างรัฐกับประชาชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ การลงทุนในสถาบันการศึกษาคือการ ลงทุนในเสาหลักทางสังคม ของชุมชนมุสลิม
- การกระจายอำนาจที่ "ท้องถิ่นจัดการตัวเอง" ข้อเสนอหลักเพื่อ ดับไฟการเมือง คือการทำให้ประชาธิปไตยเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในมิติการกระจายอำนาจ:
- อำนาจในการเลือกผู้บริหารโดยตรง: รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องบัญญัติหลักการให้ ท้องถิ่นจัดการตัวเอง (Self-Governance) อย่างชัดเจน โดยให้ประชาชนมีสิทธิเลือกผู้บริหารท้องถิ่นโดยตรง เพื่อสร้างความมั่นคงในรัฐและชีวิตของคน
- การจัดการทรัพยากรและงบประมาณ: เปิดช่องให้มีการจัดสรรงบประมาณ ภาษี และการบริหารทรัพยากรธรรมชาติที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในท้องถิ่น
- เคารพอัตลักษณ์: การกระจายอำนาจต้องรวมถึงการยอมรับ อัตลักษณ์ ภาษา และวัฒนธรรม มลายูมุสลิมในระบบการศึกษาและการบริหารราชการอย่างเป็นรูปธรรม โดยไม่ทอดทิ้งความแตกต่างอื่น ๆ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความหลากหลาย
- สร้าง "ความยุติธรรม" และจำกัดอำนาจเบ็ดเสร็จ สันติภาพจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อกลไกรัฐมีความยุติธรรมและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์:
- ยกเลิกกฎหมายพิเศษ: การเรียกร้องให้ ยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และ กฎอัยการศึก (ที่ขัดกับสิทธิมนุษยชนมายาวนาน) จะเป็นจริงได้เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนในการจำกัดอำนาจความมั่นคงเหนือสิทธิพลเมือง และใช้หลัก นิติธรรม ในการบริหารจัดการพื้นที่
- รัฐรับใช้ประชาชน: บัญญัติให้ข้าราชการ รับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นนาย และสร้างกลไกที่เข้มแข็งในการตรวจสอบการใช้อำนาจ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของรัฐ
สันติภาพคือ "ปัญหาการเมืองที่ต้องแก้ด้วยการเมือง"
ตามข้อสรุปของ กมธ.สันติภาพชายแดนใต้ ปัญหาในพื้นที่คือ “ปัญหาการเมืองที่ต้องแก้ด้วยการเมือง” การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นเครื่องมือทางการเมืองสูงสุดที่สามารถขับเคลื่อนข้อเสนอเชิงนโยบายที่สำคัญได้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงไม่ใช่เพียงแค่การปรับปรุงตัวบทกฎหมาย แต่เป็นการ ลงทุนในอนาคต ของสันติสุข ด้วยการส่งสัญญาณแห่งความจริงใจจากรัฐต่อประชาชนว่า รัฐพร้อมที่จะยอมรับตนเองที่ยอมรับความแตกต่างได้ เพื่อเปลี่ยน "ความอยุติธรรมด้านการเมือง" ให้กลายเป็น "อำนาจตามวิถีประชาธิปไตย" ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงในชีวิตของผู้คน และสันติภาพที่ยั่งยืนในชายแดนใต้ได้อย่างแท้จริง
ที่มา : อับดุลสุโก ดินอะ