29 August 2025
15
วันที่ 28 สิงหาคม 2568 ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายจำนงค์ หนูพันธ์ ที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) ฐานจัดการชุมนุมสาธารณะในเขตต้องห้ามภายในรัศมี 50 เมตรรอบทำเนียบรัฐบาล ตามมาตรา 7 วรรคท้าย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมจากหน้าอาคารสหประชาชาติไปยังหน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู 5 เมื่อเดือนตุลาคม 2566 ส่งผลกระทบต่อการจราจรและการใช้ชีวิตของประชาชนทั่วไป อีกทั้งการแจ้งชุมนุมทางอีเมลของจำเลยไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ได้รับ ศาลจึงพิพากษาลงโทษปรับ 10,000 บาท แต่เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือปรับ 7,500 บาท
หลังฟังคำพิพากษา มีกลุ่มตัวแทนพีมูฟและเครือข่ายสลัม 4 ภาค เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมมอบช่อดอกไม้แสดงการสนับสนุนแก่นายจำนงค์และทีมทนายจากมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน (CRC) โดยเจ้าตัวยืนยันว่าจะเดินหน้าสู้ต่อในชั้นอุทธรณ์
“คดีนี้เรายังไม่หยุดแค่นี้ เราต้องอุทธรณ์ต่อ เพราะหลายข้อยังมีปัญหา เช่นการส่งอีเมลแจ้งการชุมนุม ซึ่งกฎหมายอนุญาต แต่ศาลกลับบอกว่าไม่มีผล เราจะสู้ให้ถึงที่สุดเพื่อยกเลิก พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ที่ละเมิดสิทธิประชาชน” นายจำนงค์กล่าว
ด้าน นางสาวอาทิตยา งามประดิษฐ์ ทนายความ CRC กล่าวว่า “คำพิพากษานี้ตีความไปในทางจำกัดสิทธิของผู้ชุมนุม ทั้งที่เจตนารมณ์ของพ.ร.บ.การชุมนุมฯ มีเพื่ออำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุม ไม่ใช่เพื่อปิดกั้นสิทธิ”
ขณะที่ นายทิตศาสตร์ สุดแสน ทนายความ CRC อีกคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “แม้ศาลจะมองว่าการแจ้งผ่านอีเมลไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่พยานฝ่ายโจทก์เองก็เบิกความรับแล้วว่าได้รับอีเมลแจ้งการชุมนุม อีกทั้งการชุมนุมครั้งนี้ก็ไม่มีความรุนแรง ไม่มีการใช้อาวุธ มีผู้เข้าร่วมเพียงร้อยกว่าคน และตำรวจเองยังเป็นผู้จัดแนวเขตพื้นที่ให้ผู้ชุมนุม”
ทีมทนายยืนยันว่าจะอุทธรณ์คดีเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานต่อคดีลักษณะเดียวกัน โดยปัจจุบัน พีมูฟยังมีคดีการชุมนุมที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีก 3 คดี โดยในวันที่ 16 กันยายน 2568 อัยการจะนัดส่งฟ้องเพิ่มเติมอีกหนึ่งคดี ทำให้สถานการณ์การต่อสู้ทางกฎหมายของขบวนการภาคประชาชนยังคงต้องติดตามต่อ
ขอขอบคุณภาพจาก ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม P-move
