Advertisement

Banner 600x250 px

Advertise with us

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

การประชุม GBC ไทย–กัมพูชา กับ 13 ข้อตกลง บนเส้นทางสันติภาพชายแดน

การประชุม GBC ไทย–กัมพูชา กับ 13 ข้อตกลง บนเส้นทางสันติภาพชายแดน

8 August 2025

381

การประชุม GBC ไทยกัมพูชา กับ 13 ข้อตกลง บนเส้นทางสันติภาพชายแดน

 

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee หรือ GBC) ระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยมี พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ฝ่ายไทย และ พลเอกเตีย เซยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นตัวแทนหลักของแต่ละฝ่าย พร้อมด้วยประเทศมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีนในฐานะประเทศสังเกตการณ์

การประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายหลักคือการยุติความขัดแย้งและความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์ปะทะและการลุกลามของความไม่ไว้วางใจระหว่างกัน

 

13 ข้อตกลงสำคัญเพื่อสันติภาพชายแดน

โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี

2. รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย

3. ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา

4. ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค. 68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน

5. ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี

6. การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ

7. กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์

8. เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้

8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่

8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์นับจากการประชุม GBC ใน 7 ส.ค. 68

8.3 ดำรงช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยตรงระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ

9. งดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือข่าวปลอม ส่วนที่ 2 กลไกตรวจสอบการหยุดยิง

10. ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการตามผลหารือเมื่อ 28 ก.ค. 68 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียน นำโดยมาเลเซีย

11. เห็นชอบให้ RBC ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง โดยมีโดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยมาเลเซียเป็นผู้ร่วมสังเกตการณ์ โดย RBC จะพบกันเป็นประจำ และส่งรายงานให้ GBC ตามสายการบังคับบัญชาของแต่ละฝ่าย

12. ในระหว่างการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนที่มีมาเลเซีย เป็นผู้นำ จะใช้กลไกคณะผู้สังเกตการณชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประเทศสมาชิกอาเซียน ประจำประเทศไทย และกัมพูชา ทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว ส่วนที่ 3 การประชุม GBC

13. ให้จัดการประชุม GBC ในหนึ่งเดือนหลัง 7 ส.ค. 68 (สถานที่จะตกลงกันภายหลัง) หรือมิเช่นนั้นการประชุม GBC วิสามัญ จะถูกจัดขึ้นเพื่อเจรจาการหยุดยิง

 

ผลการประชุมสรุปได้เป็น 13 ข้อ ที่มีความครอบคลุมในเรื่องการหยุดยิงอย่างถาวร การคงกำลังในพื้นที่เดิม ห้ามเพิ่มกำลังทหารและยั่วยุ รวมทั้งการเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการดูแลเชลยศึกตามอนุสัญญาเจนีวา นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดให้มีการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องในระดับกองทัพและรัฐมนตรีผู้บัญชาการทหารสูงสุด รวมถึงการตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer) เพื่อคอยตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อตกลง

ข้อตกลงยังระบุให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee หรือ RBC) ภายใน 2 สัปดาห์หลังการประชุม และให้มีการประชุม GBC ติดตามผลภายใน 1 เดือน เพื่อประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอย่างทันท่วงที

 

ข้อสังเกตและความท้าทาย

ถึงแม้ข้อตกลงจะครอบคลุมและรัดกุมในหลายประเด็น แต่ความสำเร็จในการปฏิบัติจริงยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ

ประการแรก การมีประเทศสังเกตการณ์อย่างมาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นดาบสองคม เพราะนอกจากจะช่วยสร้างแรงกดดันให้ทั้งสองฝ่ายเคารพข้อตกลงแล้ว ยังมีความเสี่ยงที่ประเด็นชายแดนจะถูกโยงเข้าไปในเกมการแย่งชิงอิทธิพลของมหาอำนาจโลก

ประการที่สอง การตั้งกลไก ASEAN Observer และ RBC แสดงให้เห็นความพยายามใช้กลไกภูมิภาคในการจัดการข้อขัดแย้ง แต่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่ากลไกเหล่านี้จะมีอำนาจและบทบาทมากน้อยเพียงใด หรือจะเป็นเพียงเครื่องมือทางการทูตที่มีข้อจำกัด

ประการที่สาม การบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงในภาคสนามเป็นเรื่องที่ต้องจับตา เนื่องจากเหตุการณ์ในอดีตแสดงให้เห็นว่าความผิดพลาดหรือความเข้าใจผิดเพียงเล็กน้อยสามารถจุดชนวนให้เกิดความรุนแรงได้

ประการที่สี่ การงดเผยแพร่ข่าวปลอมและควบคุมกระแสความเกลียดชังในสังคม เป็นเรื่องที่ดีแต่ยากจะบังคับใช้ในยุคโซเชียลมีเดียที่ข้อมูลข่าวสารไหลลื่นรวดเร็วอย่างไร้ข้อจำกัด การสื่อสารเชิงรุกและความโปร่งใสจากรัฐบาลจึงมีบทบาทสำคัญ

ในขณะที่ความสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างผู้นำทหารระดับสูงของไทยและกัมพูชา ถือเป็นจุดแข็งสำคัญ เพราะช่วยลดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลและเปิดช่องทางการแก้ไขปัญหาโดยตรง

 

การประชุม GBC ครั้งนี้เป็นสัญญาณที่ดีของความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธี การมีข้อตกลง 13 ข้อที่ครอบคลุมทั้งด้านการทหารและมนุษยธรรม ช่วยวางรากฐานให้เกิดความสงบอย่างยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะพิสูจน์ความสำเร็จของข้อตกลงนี้ คือการปฏิบัติจริงในพื้นที่และความต่อเนื่องของการติดตามตรวจสอบผ่านกลไกที่ถูกตั้งขึ้น ทั้งนี้ หากข้อตกลงเหล่านี้ได้รับการเคารพอย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยเปิดทางสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ และช่วยให้ชายแดนแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่แห่งสันติภาพและความร่วมมือในอนาคต

 

----

ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก Reuters

Recent posts