• Home
• Content
• “กุนซือ”   ที่ปรึกษา หรือ ผู้บงการ

“กุนซือ”   ที่ปรึกษา หรือ ผู้บงการ

1335

ดูสามก๊ก มาเกือบถึง 70 ตอนแล้ว สิ่งที่เห็นชัดมากในบทบาท ตัวละคร คือ กุนซือ กุนซือ เป็นทั้งนักปราชญ์ ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ แต่บางครั้งก็เหมือนหมอผี เพราะอาศัยความไม่รู้ของเจ้าเมือง “ชี้นำ” การมีกุนซือมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อ ผู้นำฉลาด รู้จักเลือกฟัง เลือกคนให้คำแนะนำ และรู้จัก สรุป หรือ คัดเฉพาะคำแนะนำที่ดี

ในจำนวนกุนซือเด่นๆ ในสามก๊ก ก็มี ขงเบ้ง บังทอง แห่งเกงจิ๋ว โลซกแห่งกังตั๋ง และ ซุนฮก เตียวฮ้องแห่งตูลู่ บทบาทกุนซือ หลักๆ คือที่ปรึกษา ให้ความเห็น และ คอยวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้การตัดสินใจของผู้นำมีความรอบคอบ ด้านหนึ่งก็ฟังขุนนาง เสนา อำมาตย์ ขุนพล อีกด้านก็ฟัง กุนซือ นักปราชญ์ ผู้รู้ ถือว่าเป็นการ คานอำนาจกันในการบริหารราชการแผ่นดิน น่าสนใจ ที่ รูปแบบการปกครอง แม้แต่สมัยโบราณก็จำต้องมี กลไก ให้ความคิดเห็น หลายด้านก่อนตัดสินใจ ไม่ใช่ว่า มีอำนาจ บัญชาแห่งสวรรค์ แล้วสั่งอะไรก็ได้

นครใด กุนซือมีอำนาจ ชี้นำ เลยเถิดก็แปลว่า ผู้นำอ่อนแอ นครใด กุนซือ ไร้บทบาท ก็แปลว่า ผู้ปกครอง ลุแก่อำนาจ ไม่ฟังใคร  รูปแบบการปกครองแต่โบราณก็ดูมีกลไก ถ่วงดุล อำนาจกัน น่าสนใจ โดยเฉพาะ “หงส์ร่อน มังกรฟ้า” ที่หมายถึง บังทอง กับ จูกัดเหลียง ขงเบ้ง ขงเบ้ง วางตนเป็นปราชญ์ชั้นสูง ในขณะที่หงส์ร่อน บังทอง ชายผู้มีความอัปลักษณ์ กลับเป็นตาแก่ขี้เมา เดินตามท้องถนน เล่าปี จึงเป็นผู้เดียวที่เลือกกุนซือ ที่ความรู้ความสามารถไม่ใช่ ชาติกำเนิด หน้าตา แต่ก็เผลอไผล ตัดสินคนที่หน้าตาในตอนแรก พอรู้ตัว ว่าทำผิดพลาด จึงรีบไปขอโทษ บังทอง อยู่นาน

ประเทศกะลาแลนด์ ในยุครัฐบาลทักษิณ 1 เท่านั้นที่ผมเห็นว่า ใกล้ หรือ คล้ายเคียง สามก๊ก ที่มี กุนซือ ดาดาษ มีบทบาทมากๆ มีแนวคิดทางการเมืองใหม่ๆ มีนโยบายฉลาดเฉียบแหลม สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ปุรชัย เปี่ยมสมบูรณ์ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สุธรรม แสงประทุม จาตุรนณ์ จายแสง สุรเกียรติ เสถียรไทย นพ.กระแส ชนะวงศ์ ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ภูมิธรรม เวชยชัย ฯลฯ  เป็นยุคที่ตื่นตาตื่นใจมาก เพราะคนที่ถูก คัดสรรมา คือ ผู้รู้ ปราชญ์ อดีตนักต่อสู้ NGOs คนของสาธารณะ อดีตสหาย นักกิจกรรมทางสังคม ที่ถูกยอมรับนับถือของสังคม และมีชื่อเสียง

เป็นยุคที่ บ้านเมืองก่อเกิดแนวคิด อะไรใหม่ๆ ในทางนโยบาย ในการบริหาร ในการออกแบบพันธกิจทางการเมือง มีการจัดรูปอำนาจใหม่ ลดขั้นตอนความซ้ำซ้อน และ ทำให้อำนาจทางการเมืองเกิดประสิทธิผลจริง แต่ก็เป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น ความชั่วช้า ของเหล่าเสนาอำมาตย์ ก็ลากประเทศลงเหว รวมถึง ผู้นำเองเมืองเลือกฟังกุนซือผิดคน ตัดสินใจผิดพลาด กำจัดคนดี อุปถัมภ์คนชั่ว ไม่นานอำนาจก็พินาศ ตาม หลังจากนั้น ประเทศกะลาแลนด์ ก็ไม่มี ภาพกุนซือ บนหน้าสื่อการเมือง

ผู้นำประเทศนี้ ไม่ค่อยนึกคิดกันนักว่า กุนซือ หรือ ผู้รู้ มีความสำคัญ มีความจำเป็นมาก ในการบริหาร ประเทศ ส่วนมากก็ฟังแค่ เสนาอำมาตย์ หรือ ข้าราชการ เลยไม่เคยได้รับแนวคิดที่แตกต่าง หลากหลายในการบริหารประเทศ และ ไม่มีการตรวจสอบถ่วงดุล เพราะการแต่งตั้งคนของตน อย่าง ส.ว. ในรัฐบาลปัจจุบัน  ก็มีแต่พวกอวย ไร้คำแนะนำ ติติง ถ่วงดุลที่แตกต่าง  ที่มีประสิทธิภาพ กลไกรัฐสภา อย่าง ส.ส. ก็รอคำสั่ง หัวหน้าพรรค ท่าทีพรรค เลยไม่มีประโยชน์ ในการทำหน้าที่ ผู้แทนราษฎร หรือ ปากเสียงแทนประชาชน เพราะเจตจำนงนี้ ไม่มีจริง ในระบบพรรคการเมืองในประเทศสยามนามประเทือง นี้


โดย เกษตรกรขบถ แห่ง ไร่ทวนลม