Back

ประเทศไทย: การตัดสินให้เยาวชนนักกิจกรรมมีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ เป็นบรรทัดฐานที่น่ากังวล  

26 January 2023

509

ประเทศไทย: การตัดสินให้เยาวชนนักกิจกรรมมีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ เป็นบรรทัดฐานที่น่ากังวล  

 

( ขอบคุณภาพจาก https://www.thaipost.net/x-cite-news/308900/ )

สืบเนื่องจากรายงานข่าวว่า ธนกร ภิระบัน (เพชร) เด็กผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ จากการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงอย่างสงบขณะที่มีอายุ 17 ปี และศาลตัดสินให้คุมประพฤติตามอัตราสูงสุดเป็นเวลาสามปี โดยจะต้องอยู่ในศูนย์ฝึกอบรม  

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า เพชรเป็นคนแรกที่ศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทกษัตริย์ โดยตอนที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเขาเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี นับเป็นบรรทัดฐานที่น่ากังวล และสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวให้กับผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นเยาวชนทั่วประเทศไทย ที่อาจต้องการแสดงออกด้วยการเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงโดยสงบ 

“แม้ศาลเยาวชนได้เปลี่ยนโทษ และอนุญาตให้ประกันตัว แต่คำตัดสินครั้งนี้อาจส่งผลให้เพชรต้องถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ และต้องเข้าร่วมในการฝึกอบรมภาคบังคับตามระยะเวลาของบทลงโทษ เพชรไม่ควรถูกดำเนินคดีตั้งแต่แรก เนื่องจากเป็นการใช้สิทธิในเสรีภาพการแสดงออกโดยชอบธรรม   

“คำพิพากษาว่ามีความผิดครั้งนี้ไม่เพียงบั่นทอนเวลาและทรัพยากรที่เขาอาจใช้เพื่อการศึกษาเช่นเดียวกับเยาวชนในวัยเดียวกัน หากยังส่งผลให้เขามีประวัติอาชญากร ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อโอกาสในการประกอบอาชีพและอื่นๆ   

“เยาวชนที่แสดงความเห็น ทัศนะ และความคิดอย่างสงบเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ ไม่ควรได้รับโทษจำคุก หรือถูกควบคุมด้วยมาตรการใดๆ ที่จำกัดการดำเนินงานในแต่ละวัน ทางการไทยต้องยุติการข่มขู่และสอดแนมข้อมูลผู้ชุมนุมประท้วงที่เป็นเด็ก และยุติการดำเนินคดีอาญากับพวกเขา”  

  

ข้อมูลพื้นฐาน  

ในวันที่ 22 พฤศจิกายน ศาลเยาวชนและครอบครัวมีคำพิพากษาในคดีหมิ่นประมาทกษัตริย์คดีแรกต่อธนกร ภิระบัน (เพชร) ซึ่งเป็นเด็กผู้ปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักกิจกรรมผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2563ขณะที่มีอายุ 17 ปี เพชรได้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงอย่างสงบที่วงเวียนใหญ่ กรุงเทพฯ ในระหว่างการชุมนุมประท้วง เพชรได้กล่าวปราศรัยเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์   

ศาลพิพากษาจำคุกเพชรเป็นเวลาสองปี ต่อมาได้เปลี่ยนโทษเป็น “การคุมประพฤติ” โดยเป็นการฝึกอบรมที่ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กระทรวงยุติธรรม หรือสถานที่อื่นตามที่กำหนดโดยศาล ศาลจำแนกว่า เพชรต้องถูกควบคุมตัวอย่างเป็นทางการ โดยเข้ารับการฝึกอบรมกำหนดขั้นต่ำ 1 ปี 6 เดือน ขั้นสูงไม่เกิน 3 ปี    

ศาลเยาวชนและครอบครัวมีอำนาจในการเปลี่ยนโทษจำคุก และสั่งให้ “เยาวชนที่กระทำผิด” ต้องเข้ารับการฝึกอบรมเป็นระยะเวลาตามที่กำหนดโดยศาล แต่ไม่เกินกว่าระยะเวลาเมื่อจำเลยมีอายุครบ 24 ปีบริบูรณ์ มาตรา 143 ของพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 อนุญาตให้ศาลสามารถกำหนดระยะเวลาการฝึกอบรมขั้นต่ำและขึ้นสูง และกำหนดให้มีการปล่อยตัว “เยาวชนที่กระทำผิด” เวลาใดก็ได้ในช่วงเวลาดังกล่าว  

ปัจจุบันเพชรได้รับการประกันตัวออกมาด้วยวงเงิน 30,000 บาท  

เพชรเริ่มทำกิจกรรมตั้งแต่เป็นนักเรียนมัธยมศึกษาเมื่อปี 2563 โดยในขณะนั้นเพชรได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงระบบสวัสดิการด้านสังคม และความเท่าเทียมด้านการศึกษา การคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และการยุติการคุกคามด้วยกระบวนการกฎหมายต่อผู้ประท้วงอย่างสงบในประเทศไทย   

นับแต่ปี 2563 มีผู้ประท้วงอายุต่ำกว่า 18 ปีประมาณ 283 คน ที่ถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา ส่วนใหญ่เป็นความผิดตามพระราชกำหนดในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีการกำหนดให้ใช้ในช่วงที่เกิดโรคระบาด และได้มีการยกเลิกในภายหลัง  

เยาวชนคนอื่นถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์ ยุยงปลุกปั่น และการเผยแพร่ข้อมูลที่ทางการมองว่าเป็น “ความเท็จ” โดยยังมีการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องเกือบ 200 คดี  

ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights: ICCPR) และ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child: CRC) สนธิสัญญาหลักด้านสิทธิมนุษยชนทั้งสองให้การคุ้มครองสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ภายใต้ข้อ 19  และ ข้อ 21 ของ ICCPR และ ข้อ 13 และ ข้อ 15 ของ CRC ตามลำดับ   

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรติดตามการนำ ICCPR ไปปฏิบัติ ได้ระบุถึงข้อห่วงกังวลต่างๆ เกี่ยวกับกฏหมายว่าด้วยการหมิ่นพระมหากษัตริย์ทั่วโลก โดยกล่าวว่า บุคคลสาธารณะทุกคน รวมถึงผู้ที่มีอำนาจสูงสุดทางการเมือง ล้วนเป็นผู้ที่ควรถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างชอบธรรม และการต่อต้านคัดค้านทางการเมือง รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันของรัฐนั้นไม่ควรเป็นเรื่องต้องห้าม   

ระหว่างกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน หรือ UPR รอบที่สามประเทศไทยได้มีข้อแนะนำจากประเทศต่างๆ เพื่อสนับสนุนสิทธิเด็กในการแสดงออกและการชุมนุมโดยสงบ รวมถึงให้หลีกเลี่ยงการคุมขังเยาวชนที่ใช้สิทธิดังกล่าวและยุติการจับกุมและดำเนินคดีต่อเด็กด้วยข้อหาหมิ่นประมาทกษัตริย์และข้อกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความสงบของรัฐ ถ้าทางการไทยรับข้อเสนอแนะดังกล่าวจะเป็นการเสริมเสร้างความแน่วแน่ของทางการไทยต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ แต่ปัจจุบันทางการไทยยังคงไม่รับข้อเสนอแนะดังกล่าว 

 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: press@amnesty.org 

About Us

เว็บไทยเอ็นจีโอ สนับสนุนการใช้สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์และเผยแพร่แนวคิดวัฒนธรรมเสรี เนื้อหาในเว็บไซต์ไทยเอ็นจีโอดอทโออาจี ท่านสามารถเอาไปใช้งานได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาต เพียงท่านระบุที่มาและห้ามทำการค้า

ThaiNGO Team

ติดต่อประสานงาน - Contact
Tel : 099-014-3797

ทศพร แกล้วการไร่ : ผู้ดูแลเว็บ - Webmaster
Tel : 080-078-4016

อัฎธิชัย ศิริเทศ : บรรณาธิการ - Editor
Tel : 082-178-3849

Email : webmaster@thaingo.org

Office Hours : Mon-Fri , 9.00-17.00

Contact Info

2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310

2044/23 New Phetchaburi Road, Bangkapi, Huai Khwang, Bankok 10310

+662 314 4112