ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

บุกยื่นหนังสือคัดค้านการขออนุญาตเข้าใช้ป่าสงวนฯ

กลุ่มผู้เดือดร้อนฯ บุกยื่นหนังสือคัดค้านการขออนุญาตเข้าใช้ป่าสงวนฯเพื่อทำโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมต่อประธานสภา ทต.คำป่าหลาย ชี้ทับซ้อนพื้นที่พิพาทแก้ไขปัญหากรณีนโยบายทวงคืนผืนป่า

           14 ตุลาคม 65 เวลา 09.35 น. กลุ่มราษฎรผู้เดือนร้อนบ้านแก้ง-โนนคำ เดินทางไปยังสำนักงานเทศบาลตำบลคำป่าหลาย เพื่อยื่นหนังสือต่อประธานสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย ขอคัดค้านการขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 เพื่อทำโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม บริษัท 555 กรีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 บริษัท 555 กรีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ได้ทำการยื่นคำขอให้เทศบาลตำบลคำป่าหลายบรรจุวาระพิจารณาเห็นชอบให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 เพื่อดำเนินการโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม ตั้งอยู่ในเขตบ้านนาคำน้อย ตำบลคำป่าหลาย อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร ซึ่งสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย เปิดประชุมสมัยสามัญ สมัยที่ 3 ประจำปี 2565 ในวันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2565 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลตำบลคำป่าหลาย เพื่อพิจารณาคำขออนุญาตเข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงหมูแปลง 2 เพื่อดำเนินการโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม

           โดยเวลาประมาณ 09.40 น. ขณะที่กลุ่มราษฎรผู้เดือนร้อนกำลังเจราจากับเจ้าหน้าที่เพื่อขอเข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ ได้มีตัวแทนของบริษัท 555 กรีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ประมาณ 4 คน เดินเข้ามาหากลุ่มราษฎร ซึ่ง 1 ในตัวแทนบริษัทฯได้กล่าวชี้แจงโครงการว่า “โครงการไม่ได้กระทบสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นแบบพัดลมผลิตไฟฟ้า ไม่มีเสียงดัง และเรื่องที่ดินก็ทำในแนวเขตของป่าไม้ไม่ได้ทำในพื้นที่ที่พี่น้องทำกิน ทำตรงพื้นที่บริเวณหลังเขาและสันเขา เรามาคุยกันก่อนมันไม่มีปัญหาอะไร ขั้นตอนของโครงการมี 3 ช่วง ช่วงที่ 1 เป็นช่วงเก็บโครงการระยะเวลาปี 65-66 ซึ่งระเบียบต้องให้ผ่านสภาเทศบาลแล้วบริษัทจะส่งความเห็นของสภาเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าจะแต่งตั้งคณะกรรมลงพื้นที่ทำประชาคม ส่วนผู้อนุมัติโครงการเป็นอธิบดีหรือรัฐมนตรีว่าจะให้โครงการนี้ผ่านหรือไม่ แม้ว่าผลการประชาคมหมู่บ้านจะผ่านแต่ถ้าเขาไม่อนุมัติก็ไม่ได้ทำโครงการ ซึ่งผมก็ทำตามขั้นตอน และถ้าพื้นที่ทับซ้อนที่ดินทำกินของพี่น้องหรือว่ามีปัญหาบริษัทก็จะไม่ทำโครงการเลย และ ทสจ. ได้มีการออกสำรวจว่าอยู่ในเขตป่าไม่ได้ทับที่ทำกินของชาวบ้าน ถ้าทับที่ทำกินของชาวบ้านเขาจะตัดออก”

           ด้านกลุ่มราษฎรผู้เดือนร้อนได้แย้งกลับไปว่า “ที่เราเข้ามายื่นหนังสือเพราะว่าพื้นที่ตรงนี้ทั้งหมดก่อนหน้านี้โดนนโยบายทวงคืนผืนป่าเพื่อให้บริษัทเอกชนยื่นขอทำเหมืองแร่ ซึ่งจังหวัดได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว และผลสรุปออกมาแล้วว่าการตรวจยึดเป็นการตรวจยึดที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนและมีข้อเสนอถึงกรมป่าไม้ให้แก้ไขปัญหาในพื้นที่ คำถามคือโครงการนี้ลงมาได้ยังไงเพราะพื้นที่ทั้งหมดยังอยู่ในข้อพิพาทอยู่และกำลังแก้ไขปัญหาอยู่และทางจังหวัดปล่อยในโครงการนี้เข้ามาในพื้นที่ได้ยังไง และการเข้ามายื่นหนังสือในครั้งนี้เราไม่ได้เข้ามาเพื่อคุยกับบริษัท เราจะเข้ามายื่นหนังสือกับสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย ซึ่งวันนี้เราขอคุยกับสภาว่าสภาเอาเรื่องนี้เข้ามาได้ยังไง สภาทราบไหมว่ากำลังมีการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ และตอนนี้ไม่ใช่ว่าเราต้องมาทะเลาะกับบริษัทฯ เป็นเรื่องที่หน่วยงานรัฐต้องมาชี้แจง”

           ต่อมาเวลา 09.53 น. กลุ่มราษฎรผู้เดือดร้อนได้ทำการยื่นหนังสือต่อประธานสภาฯ อยู่บริเวณด้านข้างห้องประชุมสภาเทศบาลตำบลคำป่าหลาย โดยหนังสือระบุว่า กลุ่มราษฎรผู้เดือดร้อนขอให้มีมติไม่เห็นชอบในการขอใช้พื้นที่ป่าเพื่อทำโรงไฟฟ้าพลังงานลม ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

           1. โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลม บริษัท 555 กรีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด ไม่ได้มีการติดประกาศประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลรายละเอียดของโครงการอย่างรอบด้านภายในกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างน้อย 15 วัน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ไม่รับรู้ข้อมูลอย่างเพียงพอ

           2. โครงการไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่อชุมชน

           3. การยื่นคำขอของโครงการฯ บิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ที่จะก่อตั้งโครงการ เนื่องจากราษฎรในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง คือหมู่ 13 และหมู่ 5  ขณะเดียวกันโครงการดังกล่าว ยังทับที่ดินทำกินของชาวบ้าน

           4. พื้นที่ตั้งโครงการเป็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจต่อชุมชน เนื่องจากเป็นแหล่งรายได้และแหล่งอาหารเลี้ยงปากท้องครัวเรือนจำนวนมาก จากการปลูกพืชเศรษฐกิจและการหาอาหารธรรมชาติด้วยระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์

           และที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่พิพาทที่กำลังดำเนินการที่จะแก้ไขปัญหากรณีนโยบายทวงคืนผืนป่าให้กับราษฎรในพื้นที่

           หลังจากยื่นหนังสือประธานสภาฯได้กล่าวว่า “ทีแรกก็ไม่ทราบและก็ทำตามที่บริษัทยื่นขอตามปกติที่ต้องการขอความเห็นชอบจากสมาชิกสภา ซึ่งเบื้องต้นก็ได้คุยกันเห็นว่าโครงการจะมีประโยชน์มีรายได้ต่อเทศบาลและท้องถิ่นของเรา ทางสภาฯขอประชุม 4 วาระที่เกี่ยวข้องกับสภาฯโดยตรงให้เสร็จก่อน และวาระที่ 5 ที่เกี่ยวกับโครงการนี้จะขอปรึกษากันอีกครั้ง”

           ทั้งนี้กลุ่มราษฎรผู้เดือนร้อนได้กล่าวต่อประธานสภาฯก่อนเดินทางกลับว่าให้นำข้อเรียกร้องตามหนังสือที่ยื่นเข้าพิจารณาเพื่อมีมติไม่เห็นชอบในการขอใช้พื้นที่ป่าเพื่อทำโครงการดังกล่าว พร้อมย้ำว่าจะเดินหน้าคัดค้านโครงการนี้ให้ถึงที่สุด