ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

แถลงการณ์แอมเนสตี้-ICJ เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย

ขอบคุณ ภาพจาก  นสพ.มติชน ออนไลน์ : https://www.matichon.co.th/politics/news_2218145

 

ประเทศไทย: การผ่านร่างกฎหมายป้องกันการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายถือเป็นความคืบหน้า แต่กฎหมายยังคงมีข้อบกพร่องสำคัญหลายประการ

           เนื่องในโอกาสวันผู้สูญหายสากล คณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (International Commission of Jurists หรือ ICJ) และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เห็นว่ามติเห็นชอบผ่านร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย (ร่างพระราชบัญญัติ ฯ) ที่ล่าช้ามาเนิ่นนาน นับเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการป้องกันและเยียวยาความเสียหายจากอาชญากรรมเหล่านี้ หากแต่ ทั้งสององค์กรรู้สึกผิดหวังที่ยังคงมีข้อบกพร่องในบางมาตราที่ทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถเป็นเครื่องมือทางกฎหมายที่มีประสิทธิภาพโดยสมบูรณ์

           เอียน เซเดอร์แมน (Ian Seiderman) ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายและนโยบายของ ICJ เผยว่า การผ่านร่างกฎหมายเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าประเทศไทยจริงจังกับการดำเนินการตามหน้าที่ในการปฏิรูปกฏหมายเพื่อนำความยุติธรรมมาสู่เหยื่อของอาชญากรรมที่ร้ายแรงเหล่านี้และนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ

“อย่างไรก็ตาม ร่างพระราชบัญญัติ ฯ ฉบับนี้ยังไม่มีบทบัญญัติครบถ้วนหรือถูกต้องตามข้อกำหนดของสนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี ทำให้ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ต้องบังคับใช้พระราชบัญญัติในลักษณะที่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment หรือ UNCAT) และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenant on Civil and Political Rights หรือ ICCPR)”

           ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ICJ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้เสนอความเห็นและข้อเสนอแนะมากมายเกี่ยวกับเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติ ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทย

           ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของ UNCAT และ ICCPR เมื่อปีพ.ศ.2555 ประเทศไทยยังได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (International Convention for the Protection of All Persons from Enforced Disappearance หรือ ICPPED) ซึ่งสะท้อนถึงคำมั่นที่จะป้องกันและยับยั้งอาชญากรรมการบังคับให้บุคคลสูญหาย อย่างไรก็ตาม คำมั่นของประเทศไทยที่จะให้สัตยาบันเข้าเป็นภาคี ICPPED ให้แล้วเสร็จกลับยังไม่ถูกดำเนินการจนกระทั่งปัจจุบัน

           ร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของเหยื่อและครอบครัวของเหยื่อ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร สมาชิกรัฐสภา และผู้เชี่ยวชาญ ที่ผลักดันให้ร่างพระราชบัญญัติฯ กำหนดความผิดทางอาญาแก่การทรมาน การประติบัติหรือลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และการบังคับบุคคลให้สูญหายมีความสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ในขณะที่ร่างพระราชบัญญัติ ฯ เริ่มแรกนั้นประกอบด้วยบทบัญญัติที่เป็นปัญหาจำนวนมาก แต่บุคคลเหล่านี้ได้ร่วมกันผลักดันจนเกิดการปรับปรุงข้อบกพร่องที่สำคัญบางประการ

           เอ็มเมอร์ลีน จิล รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายวิจัย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า เรายอมรับว่าข้อบกพร่องบางประการที่เราได้ระบุในข้อเสนอแนะก่อนๆ ได้รับการแก้ไขแล้วในร่างพระราชบัญญัติฉบับที่ผ่านมติรับรอง ยกตัวอย่างเช่น เรายินดีที่ร่างฉบับนี้มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี พร้อมทั้งมีบทบัญญัติที่รับรองให้อาชญากรรมการบังคับบุคคลให้สูญหายเป็นอาชญากรรมต่อเนื่อง

“ในอนาคต ประเทศไทยควรทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อไป และดำเนินการตามขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างสมบูรณ์”

           องค์กรทั้งสองยังเรียกร้องให้ประเทศไทยดำเนินการตามคำมั่นว่าจะทำการให้สัตยาบันแก่อนุสัญญา ICPPED โดยไม่ล่าช้า พร้อมทั้งแก้ไขข้อบกพร้องในร่างพระราชบัญญัติเพื่อรับประกันการปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน

ความเป็นมา

           สิบห้าปีหลังจากที่ประเทศไทยเข้าเป็นรัฐภาคีอนุสัญญา UNCAT สภาผู้แทนราษฎรแห่งประเทศไทยได้มีมติผ่านร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตามที่วุฒิสภาเสนอ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ.2565

           ร่างพระราชบัญญัติ ฯ นี้ คาดว่าจะได้รับการลงนามพระปรมาภิไธยโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและมีผลบังคับใช้เมื่อครบกำหนด 120 วันนับจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

           ในปัจจุบัน ร่างพระราชบัญญัติฯ ยังคงประกอบด้วยบทบัญญัติบางมาตราที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานระหว่างประเทศ ข้อกังวลหลัก ได้แก่

  • นิยามของอาชญากรรมการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายไม่สมบูรณ์หรือไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และ 'การกระทำให้สูญหาย' โดยผู้กระทำการที่ไม่ใช่ภาครัฐ ตามที่ระบุในมาตรา 3 ของ ICPPED ไม่ได้ถูกกำหนดไว้
  • การตัดมาตราที่ยกเว้นการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมออกจากร่างพระราชบัญญัติฯ
  • การขาดตัวแทนเหยื่อการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหายในองค์ประกอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย และการถอดถอนหน้าที่ของคณะกรรมการในการตรวจสอบสถานที่ควบคุมตัว
  • การถอดถอนบทบัญญัติเกี่ยวกับการไม่รับฟังคำให้การหรือข้อมูลอื่นอันได้มาจากการทรมาน การประติบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี หรือการบังคับบุคคลให้สูญหาย เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดี และ
  • การขาดบทบัญญัติที่เกี่ยวกับการกำหนดอายุความของอาชญากรรมการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย อันสอดคล้องกับอนุสัญญา UNCAT และ ICPPED โดยสมบูรณ์

สามารถอ่านบทวิเคราะห์ข้อบกพร่องของร่างพระราชบัญญัติฉบับปัจจุบันซึ่งจัดทำขึ้นโดย ICJ และแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ที่ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย

ร่างพระราชบัญญัติและคำแปลอย่างไม่เป็นทางการของร่างพระราชบัญญัติ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย