ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

บทเรียนจะนะกับนโยบายปิดล้อมตรวจค้นและวิสามัญชายแดนใต้ ปัญหาและทางออก

บทเรียนจะนะกับนโยบายปิดล้อมตรวจค้นและวิสามัญชายแดนใต้ ปัญหาและทางออก

16 February 2022

1639

ขอบคุณภาพ จาก ไทยรัฐออนไลน์ https://www.thairath.co.th/news/crime/2305370

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)

Shukur2003@yahoo.co.uk

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณาปรานีเสมอ ขอความสันติและความจำเริญแด่ศาสนฑูตมุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

 

#เหตุการณ์ปิดล้อมล่าสุดที่ อ. จะนะ ซึ่งมีการวิสามัญ 3 ราย และยอมมอบตัว 1 ราย อันเป็นข่าวดัง ซึ่งในส่วนของรัฐมองถึงการบังคับใช้กฎหมายที่จะละเว้นมิได้ จะสามารถใช้กระบวนการเจรจาสันติภาพมาถอดบทเรียนอะไรได้บ้าง "นโยบายปิดล้อม ตรวจค้น และจบด้วยการวิสามัญ จะตอบหรือไม่ตอบโจทย์ กระบวนการยุติธรรม และยังต้องพิสูจน์ การวิสามัญทั้ง 3 ศพ เพราะจากรายงานของหน่วยความมั่นคง แจ้งว่ามีการเจรจา แต่เมื่อฟังจากชาวบ้าน ก็บอกว่ามีการวิสามัญก่อนเจรจา ต้องทำความจริงให้ปรากฏ เพราะมองว่าสื่อก็ได้รับข้อมูลจากหน่วยความมั่นคง 

#ข่าวการวิสามัญ 3 ราย และยอมมอบตัว 1 รายจากฝ่ายรัฐที่ให้ข่าว

เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา บ้านโคกเค็ด หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา สืบเนื่องมาจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมปัตตานี ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา จึงได้สนธิกำลัง 3 ฝ่ายเข้าดำเนินการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงดังกล่าว เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 เวลาประมาณ 05.30 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนด้วยการเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น เครือญาติได้เกลี่ยกล่อมผู้ก่อเหตุให้ออกมามอบตัว แต่ทั้งนี้การเจรจาไม่เป็นผล กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้วิ่งฝ่าวงล้อมออกมาและยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ในขั้นต้นคาดว่ามีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงน่าจะเสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย 1. นายศรัทธา อาแว 2. สุรินทร์ กาเส็ง 3.นายอดินันท์ ดอเลาะ และยังมีอีก1 ราย ที่กำลังหลบซ่อนอยู่ในสถานที่ดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ออกมามอบตัว ทั้งนี้ในขั้นต้นมีอาวุธที่ยึดได้จากผู้เสียชีวิต ประกอบด้วย ปืนซุ่มยิง 1 กระบอก ปืน ak47 1 กระบอก และปืนลูกโม่อีก 1 กระบอก

ทั้งนี้ มีบางกลุ่มได้พยายามบิดเบือนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ว่าได้มีการยิงต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเสียชีวิตในมัสยิด แต่ในความเป็นจริง กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้เสียชีวิตภายในบ้านที่อยู่ตรงข้ามกับมัสยิด ไม่ได้เสียชีวิตภายในมัสยิดตามที่มีบางกลุ่มพยายามบิดเบือนการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่ามีการยิงตอบโต้ใส่ ศาสนสถานหรือมัสยิดแต่อย่างใด

ภายหลังหลังจากทราบเหตุการณ์ดังกล่าวทาง พลโท เกรียงไกร ศรีรักษ์แม่ทัพภาคที่ 4 /ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ หน่วยที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ให้ใช้การเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุที่เหลือได้ออกมามอบตัวเพื่อต่อสู้คดีตามกฎหมายให้มากที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการเจรจาโดยมีคนผู้ก่อเหตุอีก 1 ราย กำลังหลบซ่อนอยู่ภายในสถานที่ดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามอย่างหนักในการเชิญผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ตามศาสนาและเครือญาติของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงช่วยกันเจราจาเกลี้ยกล่อมเพื่อให้ผู้ก่อเหตุออกมามอบตัว

ในขณะแม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจ นายสุทธิศักดิ์ฯ ชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิดที่คนร้ายลอบนำมาวางเอาไว้บริเวณสะพานรถไฟ เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สั่งหน่วยในพื้นที่เร่งซ่อมแซมบ้านเพื่อรองรับการใช้ชีวิต โดยท่านแม่ทัพภาคที่ 4ได้พูดคุย สอบถามอาการตลอดจนกล่าวให้กำลังใจ ขอให้มีขวัญ และกำลังใจที่ดีกลับมาใช้ชีวิตเพื่อครอบครัว และด้วยเนื่องจากนายสุทธิศักดิ์ฯ มีฐานะยากจน มีอาชีพรับจ้างทั่วไป มีบุตรด้วยกันทั้งหมด 6 คน แม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้มีดำริให้หน่วยในพื้นที่เข้าทำการต่อเติม และซ่อมแซมบ้านให้ใหม่ เพื่อรองรับการใช้ชีวิต นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำให้ทุกพื้นที่เพิ่มความระมัดระวัง และความเข้มงวด ประสานกำลังทุกภาคส่วนรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนนายสุทธิศักดิ์ หมีนเส็น มีกำลังใจมากขึ้นแล้วตามลำดับ โดยได้กล่าวขอบคุณแม่ทัพภาคที่ 4 หน่วยงานในพื้นที่ที่ได้หมุนเวียนมาเยี่ยมให้กำลังใจ และช่วยเหลือครอบครัว อย่างไรก็ตามขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ หากพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือบุคคลต้องสงสัยเข้ามาเคลื่อนไหวในพื้นที่ สามารถแจ้งได้ที่เบอร์สายตรงแม่ทัพภาคที่ 4 โทร 061-17

 

(อ้างอิงจากhttps://fb.watch/b0f1adYfds/)

#ข่าวการวิสามัญ 3 ราย และยอมมอบตัว 1 รายจากการลงพ้นที่พบชาวบ้านของผู้เขียน

                     วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ 65 ผู้เขียนได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านและตัวแทนผู้นำที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งให้ข้อมูลต่อเรื่องนี้ว่า "ในการเข้าปิดล้อมเจ้าหน้าที่พยายามเจรจาให้มอบตัว โดยเชิญผู้นำศาสนา และครอบครัวมาช่วยเกลี้ยกล่อม นั้นหลังวิสามัญไปแล้ว 3 ราย และผู้นำศาสนา และครอบครัวมาช่วยเกลี้ยกล่อม นั้นเพียง   1 รายจนประสบความสำเร็จ

(อ้างการลงพื้นที่https://www.facebook.com/100070906231131/videos/642398003504740/?d=n)

#ข้อสังเกต ประเด็นจะนะ

             เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในเหตุการณ์ปิดล้อมล่าสุดที่ อ. จะนะนี้ ซึ่งมีการวิสามัญ 3 ราย และยอมมอบตัว 1 ราย นั้นควรถอดบทเรียนที่สำคัญที่สุดยังต้องพิสูจน์ การวิสามัญทั้ง 3 ศพ เพราะจากรายงานของหน่วยความมั่นคง แจ้งว่ามีการเจรจา แต่เมื่อฟังจากชาวบ้าน ก็บอกว่ามีการวิสามัญก่อนเจรจา ดังนั้นต้องทำความจริงให้ปรากฏ อย่างมาตรฐานตรวจสอบได้เพื่อสร้างชุดข้อมูลที่ถูกต้อง สร้างความมั่นใจต่อชาวบ้านและสาธารณะ ซึ่งต้องยอมรับในความจริงว่า สื่อส่วนใหญ่ยังมีข้อจำกัดหรือได้รับข้อมูลจากหน่วยความมั่นคงฝ่ายเดียว

 

                        นายอับดุลอซิส ตาเดอินทร์ กรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนฯ เสนอให้คณะกรรมการสิทธิมนุญชนแห่งชาติลงพื้นที่ฟัข้อมูลรอบด้านจากทุกฝ่ายรวมทั้งให้มีกรรมการกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับได้หลังกรณี วิสามัญ 3 ศพ และมอบตัว1คน หลังลงพื้นที่พบชาวบ้านจะนะ เพราะข้อมูลระหว่างชาวบ้านกับรัฐยังสวนทางกันในบางประเด็น

 

https://www.facebook.com/shukur.dina/videos/463720491907987/?d=n

#บทเรียนจะนะกับนโยบายปิดล้อมตรวจค้นและวิสามัญชายแดนใต้ ปัญหาและทางออก

 

- ทัศนะแม่ทัพเกรียงกับอดีตเลขาทวีกรณีข่าวดัง "ปิดล้อม ตรวจค้นและวิสามัญ" ที่ชายแดนภาคใต้ 

                 กรณีจะนะควรถอดบทเรียน ในรอบ 13 เดือน มีเหตุปะทะกัน 14 ครั้ง วิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิตแล้ว 29 ราย ในส่วนของจะนะวิสามัญ 3 มอบตัว 1 หลังเจรจากว่า 9 ชั่วโมง แม่ทัพภาค 4 พลโทเกรียงไกร ศรีรักษ์ ยืนยันต่อหน้าผู้นำศาสนาอิสลามและการศึกษารวมทั้งทุกภาคส่วนในเวทีสล.3 ว่า " ไม่มีนโยบายจับตายแน่นอน ครั้งต่อไป จนท.จะอดทนมากขึ้น"โดยท่านสะท้อนความรู้สึกว่า "ลูกน้องผมก็โดนกระสุน ผมหัวใจไม่เปื้อนเลือดแน่นอน ผมหลั่งน้ำตาเช่นกันเมื่อเกิดความสูญเสีย ไม่ว่าใครสูญเสียย่อมมีผลกระทบแน่นอน ซึ่งในกรณีเคสที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส กำลังอยู่ในระยะการซ่อมแซมบ้านที่เสียหาย ส่วนเรื่องคดีก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน" ทัศนะของแม่ทัพภาคที่ 4 สอดคล้องกับ ทัศนะ พลโท ธิรา แดหวา แม่ทัพน้อยที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ย้ำ ต่อหน้าผู้ทรงคุณวุฒิด้านศาสนา การศึกษาและทุกภาคส่วนของสล.3 ถึง " การวิสามัญมิใช่นโยบาย/ต้องการให้มอบตัว "แนวทางปฏิบัติในการบังคับใช้กฏหมายเพื่อลดเหตุรุนแรง" หลักการเมื่อไม่มีการกระทำผิดกฎหมายก็ไม่มีการบังคับใช้กฎหมาย+เมื่อมีการกระทำผิดกฏหมายก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ด้วยสันติวิธีและการปฎิบัติการทางทหาร ด้วยสันติวิธี สานใจสู่สันติ โดยท่านอธิบายว่า  สันติวิธี คือเปิดทางถอยหรือปรึกษาหารือ(ประสาน/ติดต่อ/ขอคุย) สานใจสู่สันติ คือพูดคุยสันติสุข(ร่วมพูดคุยปัญหาค้นหาทางออก บอกเท่าที่ทำได้ แยกย้ายกันไปเมื่อไม่ได้ข้อตกลง หรือดำรงคุยต่อถ้าพอไปกันได้) เชิญตัวมาซักถาม คือการปฏิบัติตามกฏหมายความมั่นคง เพื่อหาที่มา/สาเหตุ>ไม่มีมูลพากลับบ้านให้การเยียวยา>มีมูลส่งตำรวจใช้ ป.วิอาญา >มอบตัวต่อสู้คดี คือการปฏิบัติตามกฏหมาย ป.วิอาญา เพื่อแก้ข้อกล่าวหา/พิสูจน์ความจริง ++การปฎิบัติการทางทหาร(การบังคับใช้กฎหมาย) >นำแนวทางสันติมาใช้ การวิสามัญมิใช่นโยบาย/ต้องการให้มอบตัว >ใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก >อำนาจรัฐต้องเข้มแข็ง+เป็นธรรม/โปร่งใส+ไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน+สังคมยอมรับ >อาศัยความมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ฝากสมาชิกทุกท่าน.....ช่วยกันให้คำแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ" 

         ด้าน พันตตำรวจเอก ทวี สอดส่อง อดีตเลขาฯ ศอ.บต. และเลขาธิการพรรคประชาชาติ บอกว่า"รัฐต้องลดความหวาดระแวงสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ เช่น ควรจะมีฝ่ายที่ 3 เข้าไปร่วมตรวจที่เกิดเหตุหลังการปะทะ ไม่ใช่มีแต่ทหารฝ่ายเดียว เมื่อปิดล้อมทุกครั้ง เราเห็นว่าไม่มีครั้งไหนที่ไม่ทำให้คนตายเลย ไม่เคยจับเป็นได้เลย ควรมีองค์กรกลางที่ไม่ใช่หน่วยที่ถือปืนมาร่วมตรวจสอบ ในที่นี่คือให้ศาล หรือ เป็นกฏหมายให้คนกลางเป็นผู้มีอำนาจทำสำนวนชันสูตรศพว่าผู้ตายคือใคร ใครทำให้ตาย เป็นองค์การอิสระ โดยไม่มีบุคคลหรือห้ามตำรวจ ทหารเป็นคณะกรรมการ" ทัศนะของท่านทวีก็สอดคล้องกับทัศนะนักวิชาการและนักสิทธิมนุษยชน(มูลนิธิผสานวัฒนธรรม อ่านเพิ่มเติมใน https://share.csitereport.com/share.php?post_id=0000022199) #และกรณีจะนะควรถอดบทเรียน เพื่อหาทางร่วมกัน "ชนะไปด้วยกัน แบบวิน วิน" หมายเหตุฟังย้อนหลังใน https://fb.watch/aZ6lL8qOXB/

 

#ในเวทีล้อมวงคุย : "เหตุปิดล้อมที่จะนะ" ความท้าทายต่อกระบวนการสันติภาพชายแดนใต้

ซึ่งในเสวนาครั้งนี้มีความคิดเห็นสอดคล้องกันว่าการที่รัฐใช้ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ภายใต้นโยบายปิดล้อม ตรวจค้นและวิสามัญในที่สุดนั้นจากข้อมูลทางสถิติและวิชาการ จะยิ่ง เป็นปัจจัยเอื้อต่อ วงจรความรุนแรงที่จะเป็นอุปสรรคต่อกระบวนการสันติภาพชายแดนภาคใต้ในที่สุด ดังนั้นจึงมีข้อเสนอแนะ10 ข้อดังนี้ 1.การรับคืนศพ เพื่อประกอบศาสนกิจตามหลักศาสนาอิสลาม เนื่องจากศาสนาอิสลามให้ทำการฝังศพเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่การรับคืนศพ ในพื้นที่เป็นเรื่องล่าช้า ไม่มีการแจ้งญาติอย่างชัดเจนว่ามีการนำศพไปที่ไหน อย่างไร และไม่มีผู้ประสานงานกลาง และไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง สื่อสารโดยตรงกับญาติ ข้อเสนอแนะ อยากให้เจ้าหน้าที่รัฐ มีการสื่อสารอย่างเป็นขั้นตอนกับครอบครัว และแจ้งจุดรับศพที่ชัดเจน ไม่กำกวม และไม่ปกปิดข้อมูลศพ 2.การยึดทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตหลังการปฏิบัติงาน ข้อเสนอแนะ กรณีมีการยึดทรัพย์สิน เช่น เงิน โทรศัพท์ ทรัพย์สินส่วนตัว ควรมีการเซ็นเอกสารกำกับ ทั้ง 2 ฝ่าย โดยทำเอกสาร 2 ชุด เก็บให้เจ้าหน้าที่ 1 ชุด และญาติ 1 ชุด และควรคืนให้ญาติเมื่อสิ้นสุดการตรวจสอบ 3.การชันสูตรพลิกศพในที่เกิดเหตุ เนื่องจากการเข้าจุดเกิดเหตุของนิติวิทยาศาสตร์ ต้องรอหลังการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ซึ่งไม่มีใครทราบว่า ศพถูกจัดฉากหรือไม่ อย่างไร (กรณีนี้เป็นข้อกังขาของประชาชนอย่างมาก) ในบริเวณจุดเกิดเหตุ องค์กรอิสระ ไม่สามารถเข้าร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติงานได้ในระยะรัศมีที่เข้าร่วมสังเกตการณืได้ ข้อเสนอแนะ: องค์กรอิสระ ตัวแทนญาติ และผู้นำศาสนา ต้องสามารถเข้าจุดตรวจสอบหลักฐาน ในรัศมีที่กำหนดได้ เพื่อเข้าสังเกตการณ์การจัดเก็บหลักฐานให้ได้รับความเป็นธรรมและโปร่งใสที่สุด ตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายมาตรา 150 มีเจ้าหน้าที่รัฐรวมสี่ฝ่าย คือตำรวจ อัยการ แพทย์ชันสูตร และฝ่ายปกครอง ต้องสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุได้ ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียว 4.การติดตั้งกล้องระหว่างการปฏิบัติงาน เมื่อการปฏิบัติงาน มีแค่ข้อมูลฝั่งเดียว การสรุปโดยฝ่ายความมั่นคงเองจึงไม่มีความน่าเชื่อถือ ข้อเสนอแนะ: สิ่งที่สามารถหยุดข้อกังขานี้ได้ คือการติดตั้งกล้องไว้บนหมวกหรือเสื้อที่ตัวเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติงานด้วยในจำนวนที่มากพอ เพื่อเป็นหลักฐานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ ว่าได้ปฏิบัติงานจากเบาไปหาหนักอย่างแท้จริง 5.การใช้กำลังจากเบาไปหนัก ต้องเป็นไปตามหลักการใช้กำลังทางอาวุธ และงดการยิงไปยังจุดสำคัญของร่างกาย เช่น สมองและหัวใจ ซึ่งเป็นจุดที่มุ่งหมายให้อีกฝ่ายเสียชีวิตทันที เป็นต้น การปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตามหมายจับหรือที่อ้างว่ามีการเจรจาแต่ไม่ยอมมอบตัวพึงกระทำต่อเมื่อจะเกิดภัยอันตรายในขณะเผชิญเหตุการณ์เท่านั้น ผู้ต้องสงสัยผู้ต้องหาตามหมายจับไม่ใช่พลรบที่จะสามารถใช้กำลังทหารกดดันให้เกิดการตอบโต้ทางทหาร ข้อเสนอแนะ: ขอให้ฝ่ายความมั่นคงแยกแยกการบังคับใช้กฎหมายของตนด้วยความเข้าใจว่า การปะทะกับผู้ต้องสงสัยพึ่งกระทำได้ด้วยเหตุป้องกันตัวตามกฎหมายอาญาเท่านั้น ไม่ใช่การใช้กำลังจากเบาไปหาหนักซึ่งเป็นกฎการสู้รบในสภาวะสงคราม จังหวัดชายแดนใต้ไม่ใช่พื้นที่สงครามแต่รัฐไทยไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกเพราะเป็นเหตุผลทางการเมืองซึ่งสร้างความเสียหายในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ 6.การซ่อมแซมจุดเกิดเหตุหลังการปฏิบัติงานทันที เช่น การซ่อมแซมบ้านที่เกิดเหตุ ข้อเสนอแนะ: ควรมีการซ่อมแซมหลังได้รับคำสั่งจากนิติวิทยาศาสตร์เท่านั้น มิใช่การปกปิดการกระทำหรือใช้กำลังเกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง 7.การชันสูตรศพโดยแพทย์ในที่เกิดเหตุ ตามขั้นตอนกระบวนการของกฎหมายมาตรา 150 มีเจ้าหน้าที่รัฐรวมสี่ฝ่าย คือตำรวจ อัยการ แพทย์ชันสูตร และฝ่ายปกครอง ต้องสามารถเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุได้ ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติการทางทหารฝ่ายเดียว ข้อเสนอแนะ: แพทย์นิติเวช ควรลงไปในที่เกิดเหตุ เพื่อดูท่าทาง และสภาพศพในสถานการณ์จริง เพื่อความไม่คลาดเคลื่อนของการชันสูตร ที่อาจเป็นหลักฐานว่า เป็นการปฏิบัติงานที่เกินเหตุหรือไม่ เนื่องจากในพื้นที่ ศพจะต้องรับการตรวจที่โรงพยาบาล (ซึ่งขั้นตอนนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน มากกว่า 5 ชั่วโมง และเป็นเหตุผลหนึ่งที่การฝังศพเป็นไปอย่างล่าช้า) 8.การแถลงการณ์โดยสำนักข่าวของหน่วยความมั่นคงหลังการปฏิบัติงาน และมีการส่งต่อให้สื่อกระแสหลักเผยแพร่ต่อ ปัญหานี้ เท่ากับว่า เจ้าหน้าที่รัฐไปกล่าวหาเขาว่าเป็นผู้ร้ายจริงๆ โดยที่ตัวเขาเอง ไม่สามารถแสดงข้อเท็จจริงใดๆ เนื่องจาก เสียชีวิตไปแล้ว การเผยแพร่ข่าวโดยปราศจากการคัดกรองเป็นการให้ร้ายอย่างหนึ่ง และทำให้เกิดอคติต่อมุสลิมได้ ข้อเสนอแนะ ควรงดการเผยแพร่ข่าวฝ่ายเดียว ควรให้องค์กรที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์ในรัศมีที่กำหนด เป็นผู้สื่อสารเพื่อความเป็นกลางที่สุด 9.การขอโทษ หากพบว่า การปฏิบัติงานของหน่วยงานของตนเป็นการใช้กำลังเกินความจำเป็นจนถึงขั้นเสียชีวิตของอีกฝ่าย หรือทำเกินกว่าเหตุ ก็ควรมีการขอโทษต่อสาธารณะ และปรับปรุงหน่วยงานตัวเอง ไม่ให้มีเหตการณ์ซ้ำๆเกิดขึ้นอีก 10.การอบรมและให้ความรู้สิทธิมนุษยชนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ จากการปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายครั้ง การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน และสะท้อนให้เห็นว่า มีความจำเป็นต้องอบรมเจ้าหน้าที่ทหารชั้นปฏิบัติงานให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนด้วย ข้อเสนอแนะ ควรอบรมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงในชั้นปฏิบัติงานให้มีความรู้ด้านสิทธิมนุษยชนโดยหน่วยงานภายนอกเช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน คณะกรรมการกาชาดสากล หรือสำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งองค์การสหประชาชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ควรใช้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ไม่ว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านซึ่งมีความชอบธรรมทางการเมืองเพราะได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกที่ดีกว่า ใช้กรรมาธิการชายแดนใต้ โดยเฉพาะคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนณะกรรมาธิการกล

หมายเหตุสรุปโดยคณะทำงานของนางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ(มูลนิธิผสานวัฒนธรรม)และฟัง/ชมย้อนหลังพร้อมตรวจสอบความถูกต้องใน https://www.facebook.com/TheReportersTH/videos/696843218165028/ารกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน

Recent posts