Advertisement

Banner 600x250 px

Advertise with us

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

ความคืบหน้าพืชจีเอ็มโอไทย กับไพ่ใบสุดท้ายของบริษัทเมล็ดพันธุ์

ความคืบหน้าพืชจีเอ็มโอไทย กับไพ่ใบสุดท้ายของบริษัทเมล็ดพันธุ์

12 February 2015

3114

หลังจากที่ “คณะทำงานศึกษาแนวทางการนำสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมและผลิตภัณฑ์มาใช้ในประเทศไทย” ได้มีมติร่วมกันในเรื่องพืชจีเอ็มโอว่าให้กลับไปใช้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 แต่เราจะวางใจได้เพียงไรตราบใดที่พระราชบัญญัติความปลอดภัยทางชีวภาพยังคงเป็นไพ่ใบสุดท้ายของบริษัทเมล็ดพันธุ์

จากมติดังกล่าวของครม.ทำให้พืช GMO หรือสิ่งมีชีวิตตัดต่อพันธุกรรม ยังคงอยู่ภายใต้เงื่อนไขการทดลองภาคสนามที่เข้มงวด เช่น ต้องทำรายงานผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ต้องทดลองในสถานที่ของราชการเท่านั้น ต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ องค์กรสาธารณะประโยชน์ และนักวิชาการ นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรีต้องเป็นผู้อนุมัติให้มีการทดลองเป็นรายกรณีเท่านั้น ด้วยเหตุนี้บริษัทเจ้าของสิทธิบัตรเมล็ดพันธุ์ GMO และผู้ได้รับผลประโยชน์จึงเดินหน้าเต็มกำลังในการผลักดันพ.ร.บ.ความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อเป็นกฎหมายบังคับใช้แทน ซึ่งพ.ร.บ.ความปลอดภัยนี้ถือได้ว่าเป็นไพ่ใบสุดท้ายของผู้สนับสนุนพืช GMO

เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2558 รศ.ดร.จิราภรณ์ ลิ้มปานานนท์ ดร.สมชาย รัตนชื่อสกุล และนายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ตัวแทนคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน และมูลนิธิชีววิถี ได้แถลงข่าวในการประชุมเพื่อวิเคราะห์ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวซึ่งมีประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน สิ่งแวดล้อม และภาคเศรษฐกิจและสังคมดังต่อไปนี้

หมวดความปลอดภัยทางชีวภาพ

การขาดความมีส่วนร่วมของภาคประชาชน – ในมาตรา 6 ได้กำหนดให้คณะกรรมการความปลอดภัยทางชีวภาพมาจากภาครัฐ 11 คน (ปลัดกระทรวงและอธิบดี) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 10 คนที่แต่งตั้งโดยรัฐมนตรี ซึ่งมาตรานี้เปิดช่องให้รัฐมนตรีสามารถแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในจำนวนเท่าใดก็ได้ เพื่อความโปร่งใส พ.ร.บ.ฯ ควรเปิดโอกาสให้ผู้เชี่ยวชาญและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับงานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพคัดเลือกตัวแทนกันเอง นอกจากนั้นควรกำหนดจำนวนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิให้ชัดเจน

ควรกำหนดให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเป็นผู้ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่มีผลประโยชน์จาก GMO

การควบคุมทั่วไป

มาตรา 17 ควรประกาศในลักษณะห้ามมิให้มีการผลิตหรือนำเข้าสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมทุกชนิด เว้นแต่จะได้ประกาศยกเว้นไว้แทนร่างฉบับปัจจุบันซึ่งระบุว่า “มาตรา 17 ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจประกาศกำหนดสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่ห้ามผลิตหรือนำเข้า” เพราะตามมาตรา 17 นี้พ.ร.บ.ฯ จะคุ้มครองเฉพาะพืชที่ถูกประกาศ ซึ่งจะเปิดช่องให้การกับการผลิตและนำเข้าพืช GMO นอกรายการ

การขึ้นบัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม

ควรกำหนดให้มีตัวแทนภาคประชาชน หรือองค์กรพัฒนาเอกชนเข้าไปเป็นคณะกรรมการ

การจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นกรณีคณะกรรมการผู้ชำนาญการเห็นชอบรายงานประเมินความเสี่ยง (มาตรา 43) โดยผู้ยื่นคำขอขึ้นบัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมเอง อาจเกิดปัญหาในการจัดการรับฟังความคิดเห็นและทำให้ไม่ได้รับทราบความเห็นที่แท้จริง จึงควรให้หน่วยงานหรือองค์กรที่เป็นกลางอื่นเป็นผู้จัดการรับฟังความคิดเห็น

ผลการรับฟังความคิดเห็นตามมาตรา 43 จะถูกนำไปประกอบการพิจารณาโดยหน่วยงานผู้รับผิดชอบเท่านั้น (มาตรา 44) และหน่วยงานผู้รับผิดชอบไม่จำเป็นต้องรับฟังหรือปฏิบัติตามผลการรับฟังความคิดเห็นก็ได้

สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม

การพิจารณาความปลอดภัย หรืออันตรายที่เกิดจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมใช้เฉพาะข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน และต้องเกิดความเสียหายแล้วเท่านั้น (มาตรา 35, 46) ถือว่าขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายแคบเกินไปทั้งที่ Biosafety Protocol อนุญาตให้ใช้ดุลพินิจตามสมควรได้แม้จะไม่ปรากฏหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งสามารถใช้เหตุผลด้านสังคมเศรษฐกิจ (Socio-Economic consideration) ได้ (Biosafety Protocol Act, 11.8, 26)

ร่าง พ.ร.บ. นี้ใช้บัญชีปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมเป็นกลไกในการบริหารจัดการ โดยหากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยฯ ก่อให้เกิดความเสียหาย ร่าง พ.ร.บ. นี้ไม่ได้กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยกำหนดให้ต้องมีการรับผิดชอบเฉพาะกรณีความเสียหายเกิดจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่ไม่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยเท่านั้น (มาตรา 52) ซึ่งรูปแบบการกำหนดแยกประเภทสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่อยู่และไม่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยนั้นเป็นรูปแบบที่ไม่ปรากฏใน Biosafety Protocol หรือ Nagoya-Kuala lumper Supplement Protocol ดังนั้นการไม่กำหนดให้ต้องมีการรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่อยู่ในบัญชีปลดปล่อยจึงอาจขัดกับวัตถุประสงค์ของ Biosafety Protocol หรือ Nagoya-Kuala lumper Supplement Protocol

ด้วยสภาวะทางการเมืองในปัจจุบันเป็นการยากที่เราจะทราบว่า พ.ร.บ. ความปลอดภัยทางชีวภาพ จะประกาศออกมาเมื่อไร แต่จากฉบับร่างที่ถูกนำมาเปิดเผยในงานแถลงข่าวก็พอจะเห็นได้ชัดเจนว่า พ.ร.บ. ฉบับนี้มีช่องโหว่ที่เอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทเมล็ดพันธุ์ข้ามชาติเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ต้องการให้ พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมาโดยขาดการรับรู้และมีส่วนร่วมของภาคประชาชน เช่นเดียวกันกับ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ โปรดช่วยกันแชร์เรื่องนี้ออกไปให้เป็นกระแสสังคมเพื่อรักษาอธิปไตยบนผืนดินให้ลูกหลานของเราในวันหน้า


รู้ทัน GMO

ในช่วงนี้มีข่าวที่ไม่ดีนักเกี่ยวกับแอปเปิลที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้ผู้บริโภคพอจะหลีกเลี่ยงได้ไม่ยากด้วยการหันมาบริโภคผลผลิตในประเทศซึ่งนอกจากจะปลอดภัยจากความเสี่ยงแล้วยังเป็นการลดการก่อมลภาวะจากการขนส่งด้วย อย่างไรก็ตามนอกจากแหล่งกำเนิดของผลผลิตแล้วกระบวนการผลิตก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริโภคควรจะรับรู้ซึ่งข้อมูลนี้จะแสดงอยู่บนสติกเกอร์เล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนฉลากนั่นเอง

International Federation for Produce Standard ได้กำหนดตัวเลขบนฉลากสำหรับการคำนวณราคา ณ จุดขาย (Price Look-Up) ซึ่งตัวเลขบนฉลากนี้นอกจากจะใช้ในการคิดราคาแล้วยังบอกถึงระบบการเพาะปลูกของผลผลิตนั้น ๆ ได้อีกด้วย

หากบนฉลากมีตัวเลขอยู่สี่หลัก หรือห้าหลักที่ขึ้นต้นด้วยหมายเลข “0” หมายความว่าผลผลิตนั้นปลูกขึ้นในระบบทั่วไปซึ่งจะใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง เช่น กล้วยที่ปลูกโดยใช้สารเคมีจะติดฉลากด้วยหมายเลข 4011

หากบนฉลากมีตัวเลขอยู่ห้าหลักและขึ้นต้นด้วยหมายเลข “8” หมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นพืชที่ถูกตัดต่อพันธุกรรม ดังนั้นกล้วย GMO จะติดฉลากด้วยหมายเลข 84011

หากบนฉลากมีตัวเลขอยู่ห้าหลักและขึ้นต้นด้วยหมายเลข “9” หมายความว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นพืชปลูกในระบบอินทรีย์ ดังนั้นกล้วยอินทรีย์จะติดฉลากด้วยหมายเลข 94011

 

อย่างไรก็ตามเนื่องจากไม่มีการบังคับใช้ที่เข้มงวดในการติดหมายเลข “8” หรือ “9” ผู้ค้าส่วนมากจึงหลีกเลี่ยงการติดหมายเลข “8” เพื่อให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าเป็นผลผลิต “ทั่วไป”

และที่น่ากลัวมากขึ้นไปอีกคือ ในปี 2557 International Federation for Produce Standard ได้กำหนดหมายเลขนำหน้าเพียงสองหมายเลขคือ หมายเลข “0” และหมายเลข “9” โดยไม่ได้ระบุหมายเลข “8” ไว้ในคู่มือผู้ใช้งานอีกต่อไป นี่หมายความว่าผู้บริโภคจะไม่สามารถทราบได้อีกต่อไปว่าพวกเขากำลังบริโภคอะไรอยู่

เรื่องราว - มกราคม 27, 2558

ที่มา : http://www.greenpeace.org/seasia/th/news/Thai-gmo-and-last-card/

Recent posts