ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

‘แอมเนสตี้’ จับมือ ‘บิว ณัฏฐา’ ชวนระดมทุน-แบ่งปันอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19   มอบให้กลุ่มชาติพันธุ์มานิและเรือนจำ 

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยร่วมมือ บิว ณัฏฐา ทองแก้ว Miss Face of Humanity Thailand 2021 ชวนระดมทุนและร่วมแบ่งปันหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิ และเจลแอลกอฮอล์มอบให้กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ “มานิ” ในจังหวัดสตูล ตรังและพัทลุง และเรือนจำ 7 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดในแคมเปญ “ไม่มีใครปลอดภัย จนกว่าทุกคนจะปลอดภัย”  โดย บิว ณัฏฐา ยังได้สร้างแคมเปญรณรงค์เรียกร้องให้สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง สตูลและตรัง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขและมหาดไทยจากส่วนกลาง “อย่าทอดทิ้งกลุ่มชาติพันธุ์มานิในช่วงวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19” 

ปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เผยว่า จากการพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาของกลุ่มเปราะบางในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 พบว่า กลุ่มชาติพันธุ์มานิ (MANI ETHNIC GROUP) มีความหวาดระแวงและหวาดกลัว เพราะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าโรคโควิดคืออะไร ทั้งยังขาดข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เนื่องจากไม่สามารถอ่านหรือเขียนภาษาไทยได้ และหน่วยงานภาครัฐยังเข้าไปดูแลไม่ทั่วถึง ทั้งเรื่องการให้การรักษาพยาบาลและการฉีดวัคซีน รวมทั้งไม่สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันตัวจากโรคระบาดและมาตรการชดเชยเยียวยาเนื่องจากเป็นบุคคลไร้สัญชาติ ตกหล่นในการรับสัญชาติไทย บางส่วนยังไม่มีบัตรประจำตัวประชาชน 

ส่วนผู้ต้องขังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเปราะบางในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่แออัด มีปัญหาเรื่องการเข้าถึงอุปกรณ์และเครื่องมือด้านสุขภาพต่างๆ เกิดการแพร่ระบาดในเรือนจำอย่างกว้างขวาง ประกอบกับการเข้าไม่ถึงวัคซีนที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ ทำให้ปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อในเรือนจำกว่า 68,000 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 150 คน  

“ตามที่องค์การอนามัยโลกได้ระบุไว้ว่า “Nobody is safe until everyone is safe จะไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนปลอดภัย” และเป้าหมายของรัฐบาลไทยคือทุกคนในประเทศได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนตามความสมัครใจนั้น แอมเนสตี้ได้เรียกร้องทางการไทยมาโดยตลอดว่าต้องดำเนินมาตรการที่ให้บุคคลทุกคนเข้าถึงวัคซีนอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติและเร่งด่วน โดยแผนการจัดสรรวัคซีนควรดำเนินการอย่างโปร่งใส คำนึงถึงหลักการด้านสุขภาพและความจำเป็นในการป้องกันการควบคุมโรคติดต่อ พร้อมกับรับรองสิทธิในการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขโดยถ้วนหน้า การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ สัญชาติ หรือสถานะทางสังคมจากการให้บริการดังกล่าวไม่อาจยอมรับได้เพราะยิ่งส่งผลให้การแพร่ระบาดทวีความรุนเเรงยิ่งขึ้น” 

ล่าสุดแอมเนสตี้เปิดรายงานใหม่และแคมเปญ “นับถอยหลัง 100 วัน” #100DayCountdown เรียกร้องจัดสรรวัคซีนให้กับประเทศยากจน 2 พันล้านโดสก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยเรียกร้องให้ 6 บริษัทผู้ผลิตวัคซีนโควิด-19 และประเทศต่าง ๆ ส่งมอบวัคซีนจำนวน 2 พันล้านโดสให้กับประเทศรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางระดับต่ำก่อนสิ้นปีนี้ เพื่อจะได้ไม่มีใครต้องทนทุกข์ทรมาน และอยู่กับความหวาดกลัวต่อไปอีกหนึ่งปี 

“ในระหว่างที่การจัดสรรวัคซีนยังไม่ทั่วถึง เราขอเชิญชวนร่วมแบ่งปันหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย เครื่องวัดอุณหภูมิ และเจลแอลกอฮอล์ หรือสมทบทุนร่วมจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวให้กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ “มานิ” จำนวน 12 กลุ่ม กว่า 500 คนในจังหวัดสตูล ตรังและพัทลุง และเรือนจำ 7 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ได้แก่ 1. เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ 2. เรือนจำกลางจังหวัดกาฬสินธุ์ 3. ทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร 4. เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. ทัณฑสถานหญิงธนบุรี 6. เรือนจำจังหวัดธัญบุรี 7. เรือนจำกลางจังหวัดนราธิวาส”  

ด้าน บิว ณัฏฐา ทองแก้ว Miss Face of Humanity Thailand 2021 เผยว่าได้สร้างแคมเปญรณรงค์ออนไลน์ Change.org/SaveManiPeople เพื่อเรียกร้องให้ให้สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง สตูลและตรัง รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุขและมหาดไทยจากส่วนกลาง อย่าทอดทิ้งกลุ่มชาติพันธุ์มานิในช่วงวิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19  

โดยในแคมเปญรณรงค์ออนไลน์ Change.org/SaveManiPeople มีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้  

1. จัดสรรงบประมาณ แจกจ่ายอุปกรณ์ในการป้องกันตัวเองให้กับชาวมานิอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ป้องกันอย่างหน้ากากอนามัย เจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ และอำนวยความสะดวกให้กลุ่มชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ทันทีเมื่อพบว่าติดเชื้อโควิด-19
2. จัดอาสาสมัครชุมชนเพื่อกระจายความช่วยเหลือ เพื่อลดช่องว่างจากการที่กลุ่มชาติพันธุ์ไม่ได้ใช้ภาษาไทย ให้สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือในหลายๆ ด้าน โดยให้อาสาสมัครลงพื้นที่เพื่อให้ความรู้ในการดูแลรักษาตัวเองในเบื้องต้น
3. จัดทำชุดข้อมูลที่กลุ่มชาติพันธุ์สามารถเข้าถึงและเข้าใจได้ ทั้งเรื่องการป้องกันตัวเองจากการระบาดของโรคโควิด-19 และข้อมูลการเยียวยา และข้อมูลในการรับบริการอื่นๆ จากรัฐ
4. จัดให้มีกระจายและการให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนแก่กลุ่มชาติพันธุ์ได้รับทราบ เพื่อเป็นการตัดสินใจในการเข้าถึงวัคซีน 

อยากจะเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกคน เพื่อนๆ นางงาม หรือกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในสังคม อยากจะให้ทุกคนมีโอกาสได้เข้าร่วมลงชื่อและช่วยกันแชร์แคมเปญ "อย่าทอดทิ้งกลุ่มชาติพันธุ์มานิในช่วงโควิด" Change.org/SaveManiPeople เพื่อที่จะส่งเสียงของพวกเรา รวมพลังที่จะบอกกับภาครัฐหรือผู้ที่มีอำนาจในการดูแลว่า สิ่งที่เราต้องการในช่วงนี้คืออะไร  

แม้ว่าในภาวะวิกฤตเช่นนี้ การจะเร่งให้ทุกอย่างรวดเร็วอาจจะทำได้ยาก แต่สิ่งที่มนุษย์ทุกคนพึงได้ก็คือ การที่จะได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และสิ่งๆ หนึ่งที่ภาครัฐจะติดอาวุธให้พวกเราได้ในฐานะประชาชนทุกคนคือ การนำเข้าวัคซีนให้พวกเราได้รับอย่างทั่วถึงให้มากที่สุด ซึ่งก็หวังว่า แคมเปญรณรงค์ออนไลน์ที่บิวได้ตั้งขึ้นและได้รับความร่วมมือจากพี่น้องคนไทยที่ร่วมกันลงชื่อจะช่วยกันส่งเสียงไปยังหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการรับมือกับโรคโควิด-19 ของกลุ่มชาติพันธุ์มานิอย่างทั่วถึง เท่าเทียม เป็นธรรมและยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่า ไม่ควรมีใครที่จะถูกลืมหรือถูกทิ้งไว้ข้างหลังแม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลก็ตาม เพราะว่าไม่มีใครปลอดภัยจนกว่าทุกคนจะปลอดภัย”  

สำหรับโครงการนี้เปิดระดมทุนและรับบริจาคเงินและแบ่งปันอุปกรณ์ป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2564 หรือจนกว่าจะมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาดูแลอย่างทั่วถึง 

ผู้สนใจสามารถจัดส่งอุปกรณ์ป้องกันโควิด-19 มาได้ที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย 139/21 ซอยลาดพร้าว 5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900  หรือร่วมสมทบทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ด้วยการโอนเข้าบัญชี สมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 047- 2-42617-5