18 May 2021
1819
ทวีศักดิ์ ตั้งปฐมวงศ์
นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการ
สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
ถ้อยแถลงของ นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ในระหว่างการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติชุดที่ 13 ครั้งที่ 4 ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง ได้ตอบคำถามจากนักข่าวจีนและต่างประเทศเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของจีนและความสัมพันธ์กับต่างประเทศ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2021 มีใจความสำคัญว่า
ในปี 2020 จีนและประเทศต่างๆ ในโลกได้แสดงความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยจีนภายใต้การนำที่แข็งแกร่งของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้แสดงบทบาทอย่างเหมาะสมในการดำเนินการทูตอย่างรับผิดชอบต่อประเทศ ประชาชนและโลก โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายใต้ระเบียบพิธีการทูตใหม่ ในนามการทูตแบบคลาวด์ (Cloud Diplomacy)
การทูตแบบคลาวด์ของจีน ขอเรียนขยายความว่า เป็นปฏิสัมพันธ์ทางการทูตของผู้นำจีนต่อประเทศต่างๆ โดยผู้นำจีนมีบริบทเป็นผู้ริเริ่ม หรือผู้นำในการแสดงบทบาท ภายใต้การยอบรับในข้อมูล ข่าวสารที่จีนมี ได้เริ่มต้นใช้อย่างจริงจังท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ห้วงต้นปี 2020 นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้เข้าร่วมการประชุมทางไกลระดับนานาชาติที่สำคัญ 3 ครั้ง อีกทั้งกล่าวสุนทรพจน์ผ่านจอภาพ และส่งจดหมายตอบกลับไปยังบุคคลต่างๆ ทั้งจากจีนและต่างประเทศมากกว่า 20 ฉบับ และได้คุยโทรศัพท์หารือกับนักการเมืองและผู้รับผิดชอบขององค์กรระหว่างประเทศสำคัญนับได้ 65 ครั้ง รวมถึงการหารือร่วมกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย “จีนยึดถือแนวคิดประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน” เป็นท่าทีของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงในการดำเนินกิจการทางการทูตกับผู้นำต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศสำคัญ
ข้ามมาสู่ปี 2021 เป็นปีแห่งการสร้างยุคสมัย เป็นปีฉลองครบรอบ 100 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวว่า “การทูตของจีนจะเริ่มต้นในการเดินทางครั้งใหม่ จีนได้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับโรคระบาด ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศต่างๆ และองค์กรระหว่างประเทศเท่าที่จะทำได้ และได้ปฏิบัติตามแนวคิดของประชาคมมนุษยชนที่มีอนาคตร่วมกัน ด้วยการปฏิบัติที่แท้จริง”วิกฤตโควิด-19 การทูตแบบคลาวด์ของจีน จึงเปรียบเหมือนการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ในฐานะประเทศผู้นำความช่วยเหลือสู่ประชาคมโลก
การทูตแบบคลาวด์ของจีน จึงนับเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก ที่จะประกาศการยกระดับจากมหาอำนาจระดับภูมิภาค สู่มหาอำนาจระดับโลก ในแบบฉบับของจีน ภายหลังวิกฤตโควิด-19 จีนพร้อมจะรักษาและขยายโอกาสเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญสำหรับการพัฒนาตามแผนฉบับที่ 14 อย่างเต็มที่ โครงการสำคัญที่จีนจะเริ่มต้นสานต่อโดยใช้การทูตแบบคลาวด์ คือ โครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง หรือ สายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative : BRI) ซึ่งจะเริ่มต้นจากการจัดเวที ปรึกษาหารือ และการประชุมวิชาการ ซึ่งจีนพร้อมเป็นเจ้าภาพสนับสนุนทันที่เมื่อวิกฤตโรคระบาดผ่านพ้นไป และหวังว่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก และยกระดับจีนเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจใหม่ เฉกเช่นเดียวกับ สหรัฐฯ ในยุคหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2
ไทยในฐานะประเทศสำคัญเป้าหมายของยุทธศาสตร์ BRI ในการเปิดพื้นที่การค้าเชื่อมมณฑลจีนตินใต้สู่ทางออกมหาสุมทร วันนี้เรามีข้อได้เปรียบเหมือนเจ้าสาวที่เลือกเจ้าบ่าวได้ แต่เราก็ไม่อาจทวนกระแสการพัฒนาและอิทธิพลจีนที่จะมีมากขึ้นนี้ได้ เราจำต้องเรียนรู้ ต่อรอง รักษาดุลแห่งอำนาจกับประเทศมหาอำนาจอื่นๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติเป็นสำคัญ