ผมว่า นานมากแล้ว ที่ไม่ค่อยได้อ่านบทความ หรือ งานวิชาการ แนวเศรษฐศาสตร์การเมือง แนวปัญหาคนจน แนวนโยบายเศรษฐกิจคนรากหญ้า ปัญหาราคาพืชผล แรงงาน อะไรเทือกๆนี้ งานเขียนที่กระแทกกะเทาะ ผลพวง ผลกระทบ สภาพปัญหา ทางออก และงานเขียนที่พูดข้อเสนอแนะ ในมิติต่างๆ
ไม่แน่ใจว่า งานวิชาการเองก็มีขึ้นลงตามกระแสด้วยหรือเปล่า ทั้งๆที่งานวิชาการแนวนี้ สำคัญมาก แต่ทิศทางนโยบายของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเกษตรกร ที่กำลังมืดมนมากกับทิศทางข้างหน้า ว่า จะเดินไปอย่างไร ประเภทของพืช รูปแบบการเกษตร แนวโน้มสินค้า แปรรูป ทุกอย่าง ต้องการความชัดเจนจากรัฐ และ ต้องการการลงมือ การวางโครงสร้าง การการวางรากฐาน และการสนับสนุนต่อเนื่อง
สภาพปัญหาตอนนี้ ภาคเกษตรก็เป็นภาคหนึ่งที่บอบช้ำหนักหนา สะสมมาหลายปี ทั้งข้าว ทั้งยางพารา ทั้ง อ้อย ทั้งทุกสิ่งทุกอย่าง ที่กำลังตกต่ำ ขาดทุน เป็นหนี้ และสิ้นหวัง กับราคาที่ตกต่ำต่อเนื่อง กับทิศทางที่ไม่เห็นแนวโน้ม ว่าจะนำพาข้ามพ้น หรือ มีทางออกมีความหวังอย่างไร
เกษตรกรทำนา อาชีพที่เคยเล่าขาน เอ่ยถึง ว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ เป็นรากฐานวิถี วัฒนธรรมของคนไทย แต่กลับกลายว่า หลายปีมานี้ อาชีพทำนา หรือ ชาวนา กำลังกลายเป็นอาชีพตกระกำลำบาก สิ้นหวัง และ มืดมน อนธการ เป็นภาระของรัฐที่ต้องหาเงินมาชดเชย โดยเฉพาะรัฐ ที่นำโดยทหาร หรือ บริหารโดยคนที่ไม่ได้เข้าใจ ปัญหาทางออกของชาวนา 20 ปีที่ผ่านมา ชาวนาได้ดิ้นรนหาทางออก ไปนานา ต่างๆ เพื่อให้เศรษฐกิจในครัวเรือน เพื่อให้ปากท้องมีความหวัง ทั้งๆ ที่ ชาวนาไทย หรือชาวไร่ ชาวสวน ส่วนมากเป็นแค่เกษตรกรรายย่อย มีที่ดินไม่มาก รูปแบบการเกษตรของชาวนาจึงเพิ่มความเข้มขน ความถี่ ในการเพาะปลูก เกษตรวัฒนธรรมถูกปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรพาณิชย์ การใช้เครื่องจักร เครื่องมือ สารเคมี และการลงทุน จึงเพิ่มขึ้นทุกปี สวนทางกับ ราคาพืชผลที่ ตกต่ำทุกปีเช่นกัน ผลที่ตามมาคือ สภาพผืนดิน ทรุดโทรม สุขภาพย่ำแย่ ความเครียด ปัญหาครอบครัว และหนี้สิน ที่ทบทวี กลายเป็นประเทศที่ป่วย ด้วยปัญหางูกินหาง ทุกระดับ ทุกมิติ
อารยธรรมเกษตรที่สืบทอดกันมานับพันปีกำลังล่มสลาย เพียงเพราะรัฐ ไร้วิสัยทัศน์ ไร้ทิศทาง การพัฒนา การรับมือกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม การเมือง และที่สำคัญ ยังจมในวังวน อำนาจที่ไร้เสถียรภาพทางการเมือง วนเวียนกับการรัฐประหาร และ การต้องภายใต้ รัฐชาตินิยม ที่มี ทหารเป็นผู้กุมชะตากรรม