ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

“สกายวอล์คฯ อัยเยอร์เวง”นักท่องเที่ยวมากที่สุดหลังไฟใต้ 16 ปี

“สกายวอล์คฯ อัยเยอร์เวง”นักท่องเที่ยวมากที่สุดหลังไฟใต้ 16 ปี

22 December 2020

5127

 

อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) 

รายงานจากพื้นที่

 

Shukur2003@yahoo.co.uk 

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด และสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน

 

17 พฤศจิกายน 2563 ผู้เขียนได้พาครอบครัวไปชมความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮ์(พระเจ้า)สัมผัสทะเลหมอก หลัง “สกายวอล์ค ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” แลนด์มาร์คใหม่ อ.เบตง จ.ยะลา สร้างแล้วเสร็จ และเปิดให้ขึ้นชมทะเลหมอกอย่างไม่เป็นทางการฟรี ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา

เวลา 4.30 น.ของวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ผู้เขียนและครอบครัว ออกจากที่พัก 34 โฮมสเตย์ ตั้งออยู่กี่โลเมตร ที่ 34 ก่อนทางขึ้นไปชมทะเลหมอก ประมาณ 1 กิโลเมตร ขับรถจากตีนเขาถึงที่หมายทางคดเคี้ยวประมาณ 10 กิโลเมตร ถนนโล่งมากๆแต่พอไปถึงที่หมายปรากฎว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งคนในพื้นที่และต่างพื้นที่เดินทางมาเฝ้ารอขึ้นสกายวอล์คฯ อัยเยอร์เวง กันเป็นจำนวนมาก มีรถจำนวนมากทั้งมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ ทั้งรถส่วนตัวและรับจ้างเต็มไปหมด

หลังจากนั้นรอคิวละหมาดเพราะสถานที่ละหมาดคับแคบจุคนได้ครั้งละ 10-15 คน แบ่งเป็นสองฝั่ง หลังจากนั้นยืนรอคิวเข้าห้องน้ำมีเพียงสองห้อง เสร็จภารกิจก็ขึ้นรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง 20 บาทต่อคน โดยไม่มีหมวกกันน็อกทั้งคนขับและคนซ้อนท้ายขับกันสวนไปสวนมาใครนึกจะเเซงก็ได้ ผ่านทางลาดชัน จนถึงจุดจะขึ้นไปสกายวอล์คฯ ปรากฎว่า มีนักท่องเที่ยวต่อแถวเข้าคิวรอขึ้นสกายวอล์คฯ อัยเยอร์เวง กันยาวเหยียดมีทั้งคนชรา วัยรุ่น สตรี เด็กและทารก เดินขึ้นอย่างเนื่องเน้น ซึ่งอาจจะเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันด้านสุขภาพและความปลอดภัยได้ พอถึงจุดชมวิว และทะเลหมอกยังขาดมัคคุเทศก์ที่จะคอยแนะนำให้ความรู้มีเพียงเจ้าหน้าที่สามสี่คนที่คอยระเบียบการเข้าชม 

จากรายงานข่าว แจ้งว่า ยอดนักท่องเที่ยววันนี้(17 พฤศจิกายน) 3,000 คน และช่วงวันที่ 19-22 พฤศจิกายน 2563 ยอดเฉลี่ยประมาณ วันละ 10,000 คนทำลายสถิตินักท่องเที่ยวช่วงไฟใต้ 16 ปีก็ว่าได้(อาจจะเป็นเพราะรัฐปิดชดเชยยาว 4 วันและโรงเรียนปิดภาคเรียนด้วย)

สำหรับเส้นทางขึ้นลงของรถ ตั้งแต่ตีนเขาถึงจุดชมวิวที่หมายแม้จะกว้างเก่ามากแต่ยังมิได้มาตรฐานสากล

 

ดังนั้นสิ่งที่จะต้องปรับปรุงในเรื่องข้อบกพร่องเพื่อสู่มาตรฐานสากลก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เป็นกำลังใจอบต.อัยเยอร์เวง ศอ.บต.และทุกภาคส่วนในโครงการครั้งนี้

ความท้าทายต่อไปจะทำอย่างไรให้มีความยั่งยืนและประโยชน์กลับสู่ชุมชน

อย่างไรก็แล้วแต่อันเนื่องมาจากสถาการณ์โควิด เมืองท่องเที่ยวต่างๆไม่ว่าภูเก็ต กระบี่ เกาะสมุยและที่อื่นๆกำลังเจอวิกฤตน่าจะเป็นบทเรียนว่า การท่องเที่ยวที่เอื้อต่อนายทุนให้คนนอกพื้นที่ไม่ว่าไทยหรือต่างชาติ ซึ่งขาดการมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นนำ้และกลางนำ้จะไม่ ยั่งยืน จึงขอฝากให้ที่นี่ว่าจะทำอย่างไรให้คนพื้นที่ร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่ต้นน้ำ กลางนำ้และปลายน้ำซึ่งมีข้อเสนอแนะทางวิชาการยืนยัน เพื่อจะช่วยยกระดับให้การท่องเที่ยวเกิดประโยชน์ต่อชุมชนเช่น 5 กลยุทธ์สำคัญ ดังนี้

 

 

 

1 .การพัฒนาคนและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวโดยมุ่งเน้นการพัฒนาคนในชุมชนและท้องถิ่นเพื่อให้สามารถบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวของตนเองได้

 

 

 

2 .การเพิ่มมูลค่าทรัพยากรท้องถิ่นโดยมุ่งเน้นให้ชุมชนเข้าใจตัวเองว่ามีดีอะไรและต่อยอดนำเสนอจาก

ทรัพยากรที่มี ไม่จำเป็นต้องสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่อาจจะไม่ใช่อัตลักษณ์ของท้องถิ่น

 

 

 

3 .การตลาดที่เหมาะสมกับชุมชน เพื่อแสวงหาตลาดนักท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับแต่ละชุมชน และสร้างความสามารถในการตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวโดยไม่เสียอัตลักษณ์ของชุมชน นอกจากนั้น เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการนำเที่ยวให้นำเสนอกิจกรรมการท่องเที่ยวโดยชุมชนที่เหมาะสมเพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าเส้นทางการท่องเที่ยว

 

4 การสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพชุมชนให้สามารถเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนทรัพยากร ความรู้และประสบการณ์ร่วมกันเพื่อทำงานเป็นเครือข่ายภาคประชาชนที่เข้มแข็งได้ใน

ระยะยาว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนของภาครัฐหรือภาคเอกชนเสมอไป

 

5 .การประเมินผลด้วยตัวชี้วัดความสุขของชุมชนและนักท่องเที่ยวเนื่องจากวัตถุประสงค์หลักในการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาให้คนในชุมชนได้รับประโยชน์ ดังนั้นตัวชี้วัดความสำเร็จจึงไม่ใช่เพียงรายได้

ที่เพิ่มขึ้นหรือนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น แต่เป็นความอยู่ดีมีสุขในมิติต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการท่องเที่ยว ในขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับเป็นการแลกเปลี่ยนของเจ้าบ้านและผู้มาเยือนที่เท่าเทียม มีความสุขร่วมกัน

ช่วง 3 วันสองคืน 17-19 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งผู้เขียนได้สัมผัสด้วยตนเองพบว่า “ในภาพรวมแน่นอนสร้างบรรยากาศทางการท่องเที่ยวทั้งในและนอกเมืองเบตง” เพราะทำให้อาชีพอื่นๆขยายต่อเป็นลูกโซ่ ไม่ว่าอาหาร ที่พักและของที่ระลึกรวมทั้งที่ท่องเที่ยวอื่นๆเช่นสะพานแขวนไม้แตปูซู 

บ่อน้ำร้อน  สนามบิน  สวนดอกไม้  อุโมงค์ ประวัติศาสตร์ “อุโมงค์ปิยะมิตร” เขื่อน นำ้ตก

เมืองเบตงยามคำ่คืนและอื่นๆ ดังนั้นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยว “สกายวอล์ค อัยเยอร์เวง กับที่อื่นๆเพื่อเศรษฐกิจถ้วนหน้าจึงเป็นอีกโจทย์หนึ่งที่สำคัญ

เพราะโดยธรรมชาติไม่มีใครหรอกที่จะเที่ยว”สกายวอล์ค อัยเยอร์เวง”อย่างเดียว จากการศึกษาทางวิชาการพบว่า “ความเชื่อมโยงของแหล่งท่องเที่ยว มี 4 -5 มิติ คือ (1) มิติด้านวิถีชีวิตชุมชน (2) มิติด้านวัฒนธรรม และศาสนา (3) มิติด้านประวัติศาสตร์ และ (4) มิติด้านทรัพยากรธรรมชาติ (5)พื้นที่และอื่นๆ

ข้อเสนอแนะ ดังนี้ 1) มุ่งพัฒนากิจกรรมการท่องเท่ียวของแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ให้มีความหลากหลาย บนพ้ืนฐานของทรัพยากรชุมชน และไม่ขัดกับจริต และ

วิถีชีวิตของคนในชุมชน 2) การจัดการท่องเท่ียวต้องสร้างประโยชน์ รายได้ และคุณภาพชีวิตท่ีดีขึ้น

 

ของคนในท้องถิ่น ต้องมีการจัดระบบไม่ให้คนนอกเข้ามากอบโกยผลประโยชน์มากจนเกินไป และ 3) รัฐต้องมีการจัดสรรงบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ที่เพียงพอ และบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ในการพัฒนาการท่องเท่ียวอย่างเหมาะสม รวมทั้งพัฒนามัคคุเทศก์ที่สามารถสื่อสารภาษามลายูกลาง จีนกลางที่นอกเหนือจากภาษาอังกฤษเพราะเบตงมีชายแดนติดมาเลเซียและมีสนามบินนานาชาติรองรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย

 

Recent posts