Advertisement

Banner 600x250 px

Advertise with us

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

ความเห็นทางกฎหมาย เรื่อง “ความไม่ถูกต้องเป็นธรรม กรณี ศอ.บต.เร่งรัดจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ต่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาด COVID-19 และการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”

ความเห็นทางกฎหมาย เรื่อง “ความไม่ถูกต้องเป็นธรรม กรณี ศอ.บต.เร่งรัดจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ต่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาด COVID-19 และการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”

29 October 2020

3664

( ขอบคุณภาพ จาก ผู้จัดการออนไลน์ : https://mgronline.com/south/detail/9620000078880  )

ความเห็นทางกฎหมาย
เรื่อง “ความไม่ถูกต้องเป็นธรรม กรณี ศอ.บต.เร่งรัดจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็น ต่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในช่วงวิกฤตการณ์โรคระบาด COVID-19 และการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ”
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)
12 พฤษภาคม 2563
ตามที่ปรากฏว่าศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้ออกประกาศเรื่องเชิญชวนประชาชนแสดงข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการขับเคลื่อนโครงการในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ลงวันที่ 28 เมษายน 2563 โดยจะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ ตำบลสะกอม ตำบลตลิ่งชัน และตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 รายละเอียดดังปรากฏตามเอกสารที่เผยแพร่ไว้ในเว็บไซต์ของ ศอ.บต. (http://www.sbpac.go.th/?p=55137) ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมีการปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ตามผังเมืองเดิมหลายส่วนจากพื้นที่เกษตรกรรมเป็นพื้นที่รองรับอุตสาหกรรม และจะกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงอย่างกว้างขวางนั้น
มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW) ซึ่งเป็นองค์กรกฎหมายที่ทำงานส่งเสริมการเข้าถึง สิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อมแก่ประชาชน เห็นว่ากระบวนการและหลักเกณฑ์เงื่อนไข ตามประกาศรับฟังความคิดเห็นของ ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการดังกล่าว มีปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นธรรมต่อประชาชนหลายประการ ดังนี้
1. วิธีการปิดประกาศรับฟังความคิดเห็นของ ศอ.บต. ไม่อาจทำให้ประชาชนรับรู้รับทราบข้อมูลการปิดประกาศเพื่อใช้สิทธิมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นได้อย่างแท้จริง และเป็นช่วงเวลาที่ ไม่เหมาะสมเนื่องจากวิกฤตการณ์โรคระบาดเชื้อไวรัส COVID-19
การปิดประกาศรับฟังความคิดเห็นของประชาชนซึ่ง ศอ.บต. ระบุว่าได้ปิดประกาศเผยแพร่ไว้ ณ ที่ทำการ ศอ.บต. ศาลากลางจังหวัดสงขลา ที่ว่าการอำเภอจะนะ อบจ.สงขลา อบต.สะกอม อบต.ตลิ่งชัน และสำนักงานเทศบาลตำบลนาทับ มาตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2563 นั้น ที่ทำการของส่วนราชการต่างๆ ดังกล่าวไม่ใช่สถานที่ที่ประชาชนทั่วไปจะต้องไปติดต่อทำธุระอยู่เป็นประจำ แต่จะเดินทางไปก็เฉพาะเมื่อมีเหตุ
2
จำเป็นต้องติดต่อทางราชการเท่านั้น หรือแม้จะได้เดินทางไปแต่โดยวิสัยปกติก็อาจไม่ได้สังเกตว่า มีการปิดประกาศรับฟังความคิดเห็นเอาไว้ และโดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน ได้เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 จนต้องมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกท้องที่ ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา ทำให้ประชาชนต้องจำกัดการเดินทาง การออกนอกเคหสถาน และการไปติดต่อราชการต่างๆ ส่วนที่ ศอ.บต. ระบุว่าได้เผยแพร่ประกาศรับฟังความคิดเห็นไว้ทางเว็บไซต์ของ ศอ.บต. และของศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ด้วยแล้วนั้น ในทางความเป็นจริงประชาชนทั่วไปก็ไม่ได้เปิดดูหรือเข้าใช้บริการเว็บไซต์ดังกล่าวอยู่เป็นปกติหรืออาจไม่เคยรู้จักเว็บไซต์ดังกล่าวมาก่อน กับทั้งข้อมูลที่เผยแพร่ในรูปแบบไฟล์เอกสารดิจิตัลบนเว็บไซต์โดยมีขนาด ความยาวกว่า 113 หน้าก็ไม่เป็นการสะดวกสำหรับประชาชนที่ต้องอ่านเอกสารผ่านโทรศัพท์มือถือ
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่ประชาชนที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการจะมีโอกาสรับทราบและเข้าถึงข้อมูลที่มีการปิดประกาศรับฟังความคิดเห็นเอาไว้ในช่วงเวลาดังกล่าว และกว่าที่จะเริ่มรับทราบว่ามีการเปิดรับฟังความคิดเห็นและจะมีการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่วัน ย่อมไม่เพียงพอสำหรับการศึกษาทำความเข้าใจข้อมูลโครงการขนาดใหญ่ เพื่อวิเคราะห์ประเมินและแสดงความคิดเห็น ถึงปัญหาผลกระทบความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ การที่ ศอ.บต. กำหนดวันสิ้นสุดการเปิดรับฟังความคิดเห็นทุกช่องทางในวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับกำหนดจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้ายในพื้นที่ตำบลนาทับ โดยที่ประชาชนจำนวนมากอาจยังไม่เคยได้รับทราบข้อมูลรายละเอียดโครงการมาก่อนการจัดเวทีรับฟัง ความคิดเห็นและตามกฎหมายก็ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาบังคับเร่งรัดเอาไว้ ก็เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นว่า ศอ.บต. และภาครัฐไม่ได้ให้ความสำคัญกับกระบวนการให้ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ตามเจตนารมณ์อย่างแท้จริง แต่เป็นเพียงการเร่งรีบดำเนินการให้ครบตามขั้นตอนแบบพิธีของกฎหมายเท่านั้น
2. การดำเนินกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในช่วงที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นการฝ่าฝืนมาตรการป้องกันการแพร่เชื้อและเป็นการละเมิดสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
การที่ ศอ.บต. เร่งรัดปิดประกาศรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการระหว่างวันที่ 28 เมษายน 2563 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 และกำหนดจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนระหว่างวันที่ 14-20 พฤษภาคม 2563 ทั้งที่ประเทศไทยยังอยู่ภายใต้วิกฤตการณ์โรคระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 เป็นการขัดแย้งต่อข้อกำหนดมาตรการของรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังคงมีการบังคับใช้
3
ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจำกัดการเดินทาง การจัดประชุมสัมมนา และการรวมตัวรวมกลุ่มทำกิจกรรมของประชาชนในพื้นที่สาธารณะ โดยนอกจากจะเป็นการดำเนินการที่ฝ่าฝืนและไม่ให้ความร่วมมือต่อมาตรการของรัฐบาลเองแล้ว ยังถือเป็นการละเมิดสิทธิประชาชนและชุมชนในการมีส่วนร่วมบำรุงรักษาและจัดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืนตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 43 (2) และมาตรา 57 (2) บัญญัติรับรองคุ้มครองไว้ รวมถึงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร การแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมรวมตัวรวมกลุ่มของประชาชนด้วย
โดยข้อจำกัดของสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบันทำให้ประชาชนยังไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพดังกล่าวได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและตัดสินใจต่อโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนอย่างกว้างขวางและรุนแรงเช่นนี้ ซึ่งประชาชนผู้มีส่วนได้เสียที่จะได้รับผลกระทบจำเป็นต้องมีสิทธิได้รับรู้เข้าถึงข้อมูลโครงการอย่างครบถ้วนรอบด้าน มีระยะเวลามากเพียงพอในการศึกษาข้อมูลและประเมินผลกระทบ สามารถเดินทางและจัดประชุมปรึกษาหารือระดมความคิดเห็นได้อย่างเสรี และสามารถทำกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูลสื่อสารรณรงค์หรือแสดงความคิดเห็นต่อหน่วยงานรัฐและสาธารณะได้อย่างเต็มที่ จึงจะถือได้ว่าเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนที่มีความหมาย (Meaningful Public Participation) อย่างแท้จริง
3. กระบวนการปิดประกาศและการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนของ ศอ.บต. ขัดแย้งต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 และเป็นการกำหนดเงื่อนไข ที่สร้างภาระแก่ประชาชนเกินสมควร
3.1 การกำหนดนิยามผู้มีสิทธิแสดงความคิดเห็นโดยไม่คำนึงถึงขอบเขตผลกระทบ ตามความเป็นจริง เป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
การที่ ศอ.บต. กำหนดเงื่อนไขข้อจำกัดว่าประชาชนผู้สิทธิแสดงความคิดเห็นต้องเป็นผู้ที่ มีที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ดำเนินโครงการซึ่งประกอบด้วยตำบลสะกอม ตำบลตลิ่งชัน และตำบลนาทับ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เท่านั้น และในกรณีที่แสดงความคิดเห็นเป็นหนังสือให้แนบสำเนาเอกสารแสดงถึงการอยู่อาศัยในเขตพื้นที่ดำเนินโครงการด้วย และ ศอ.บต. มีกำหนดจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเฉพาะในพื้นที่ 3 ตำบลที่เป็นพื้นที่ดำเนินโครงการเท่านั้นโดยมิได้พิจารณาถึงขอบเขตผลกระทบตามความเป็นจริง ถือเป็นการลิดรอนสิทธิของประชาชนและชุมชนอื่นที่แม้มิได้มีที่อยู่อาศัยในพื้นที่ 3 ตำบลแต่ก็อาจเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการที่ต้องมีสิทธิแสดงความคิดเห็นต่อโครงการได้ด้วย เนื่องจากโครงการนี้ถือเป็น
4
โครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วิถีชีวิตและสุขภาพของประชาชนอย่างกว้างขวางและมีผลกระทบเชื่อมโยงกันในหลายมิติโดยมิได้ถูกจำกัดไว้ตามขอบเขตพื้นที่การปกครอง 3 ตำบลเท่านั้น การกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขลักษณะดังกล่าวจึงเป็นการขัดแย้งหรือจำกัดสิทธิเกินไปกว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 58 วรรคหนึ่งและสอง ที่บัญญัติว่า
“การดำเนินการใดของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญาตให้ผู้ใดดำเนินการ ถ้าการนั้นอาจมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดของประชาชนหรือชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง รัฐต้องดำเนินการให้มีการศึกษา และประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนหรือชุมชน และจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนและชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาดำเนินการหรืออนุญาตตามที่กฎหมายบัญญัติ
บุคคลและชุมชนย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผลจากหน่วยงานของรัฐ ก่อนการดำเนินการหรืออนุญาตตามวรรคหนึ่ง”
และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 ข้อ 4 ที่กำหนดนิยาม “ผู้มีส่วนได้เสีย” ไว้เพียงว่าหมายถึง “ผู้ซึ่งอาจได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหายโดยตรงจากการดำเนินโครงการของรัฐ” โดยมิได้จำกัดสิทธิการมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นไว้เฉพาะ ผู้ที่มีภูมิลำเนาที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่ตั้งโครงการเท่านั้น
3.2 ข้อมูลที่ปิดประกาศไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนเพียงพอต่อการแสดงความคิดเห็น และการกำหนดให้ประชาชนต้องเป็นผู้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเป็นเงื่อนไขที่สร้างภาระเกินสมควร
ข้อมูลที่ ศอ.บต. เผยแพร่ไว้เป็นเอกสารแนบท้ายประกาศรับฟังความคิดเห็นของประชาชนไม่มีการให้ข้อมูลรายละเอียดของโครงการ โดยเฉพาะในส่วนผลกระทบและมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการที่ชัดเจนเพียงพอให้ประชาชนสามารถทำความเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อนำไปวิเคราะห์และประเมินผลกระทบความเสี่ยงประกอบการแสดงความคิดเห็นข้อห่วงกังวลได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548 ข้อ 7 ที่กำหนดว่า
“ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการของรัฐที่หน่วยงานของรัฐต้องเผยแพร่แก่ประชาชนอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้อมูลดังต่อไปนี้...(7) ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนที่อยู่อาศัยหรือประกอบอาชีพ
5
อยู่ในสถานที่ที่จะดำเนินโครงการและพื้นที่ใกล้เคียง และประชาชนทั่วไป รวมทั้งมาตรการป้องกัน แก้ไข หรือเยียวยาความเดือดร้อนหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบดังกล่าว…”
และนอกจาก ศอ.บต. จะไม่ได้เปิดเผยให้ข้อมูลประกอบการรับฟังความคิดเห็น อย่างครบถ้วนเพียงพอแก่ประชาชนแล้ว ศอ.บต. กลับกำหนดเงื่อนไขการแสดงความคิดเห็นไว้ด้วยว่าต้องระบุข้อเท็จจริง เหตุผล และแนวทางแก้ปัญหานั้นด้วย ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขที่สร้างภาระเกินสมควรแก่ประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบในการใช้สิทธิแสดงความคิดเห็น ทั้งที่ควรต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน ที่จะเข้ามาร่วมดำเนินโครงการในการรับเอาความคิดเห็นข้อห่วงกังวลของประชาชนไปศึกษาพิจารณาเพิ่มเติมและแสวงหาแนวทางเลือกหรือมาตรการป้องกันแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เหมาะสมเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยเฉพาะการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่จะกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในพื้นที่จังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียงอย่างกว้างขวางเช่นนี้ จำเป็นต้องมีการศึกษาจัดทำ การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment - SEA) ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 58 ให้แล้วเสร็จก่อน จึงนำข้อมูลมาประกอบการพิจารณาตัดสินใจดำเนินการนโยบาย แผน และโครงการต่างๆ ให้สอดคล้องกับผลการศึกษา SEA
จากเหตุผลความไม่ชอบด้วยกฎหมายและความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนดังกล่าว มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อมจึงขอเรียกร้องให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ยกเลิกกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ที่กำลังดำเนินการอยู่ทั้งหมดโดยทันที และหากจะมีการจัดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนขึ้นใหม่ภายหลังจากที่สังคมกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติและประชาชนสามารถใช้สิทธิเสรีภาพได้อย่างเต็มที่ ศอ.บต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการให้ข้อมูลและกำหนดรูปแบบ เงื่อนไข และระยะเวลา การรับฟังความคิดเห็นให้เหมาะสมสอดคล้องตามหลักการและเจตนารมณ์ของสิทธิในการมีส่วนร่วม ของประชาชนและสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง

Recent posts