ขณะที่การต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการอนุรักษ์ บำรุงรักษา ปกป้อง และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู ให้มีการปิดและฟื้นฟูเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน (เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง) เนื้อที่ 175 ไร่ และโรงโม่หิน เนื้อที่อีก 50 ไร่ ตามประทานบัตรที่ 27221/15393 ของบริษัท ธ.ศิลาสิทธิ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน โดยมี 3 ข้อเรียกร้องต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คือ
(1) ปิดเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หิน
(2) ฟื้นฟูภูผาป่าไม้
(3) พัฒนาดงมะไฟเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศวัฒนธรรมและแหล่งอารยธรรมโบราณคดี
.
ตลอดระยะเวลาการชุมนุมปิดถนนทางเข้าเหมืองหินปูนและโรงโม่หินกว่า 40 วันแล้วนั้น โดยในวันที่ 4 กันยายน 2563 ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯได้ดำเนินการเข้าทวงคืนพื้นที่เขตเหมืองแร่ เนื้อที่ 175 ไร่ เป็นเขตป่าชุมชนดังเดิมแล้ว แต่ทว่ายังเหลือพื้นที่ในเขตโรงโม่หินอีก 50 ไร่ ที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯจะเข้ายึดคืนพื้นที่โรงโม่หินให้กลับคืนมาอีกครั้ง ในวันที่ 25 กันยายน 2563 ซึ่งเป็นวันหมดอายุใบอนุญาตประทานบัตรทำเหมืองสิ้นสุดลงและทำให้ใบอนุญาตโรงโม่หินสิ้นสุงอายุลงตามไปด้วย
.
ซึ่งสถานการณ์ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯต้องเผชิญกับสภาวะความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ความรุนแรงอีกครั้ง ด้วยลักษณะ กระบวนการ วิธีการ และรูปแบบเดิม จากการข่มขู่คุกคามสู่ชี้เป้าไปที่ NGO หนุนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯคัดค้านเหมืองหินปูนอย่างนายเลฺิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ เพื่อทำให้กระบวนการเคลื่อนไหวคัดค้านสดุดหยุดลงให้ได้ในที่สุด โดยตัวบงการที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มคนเดียวกันกับเมื่อปี 2538 และปี 2542 อย่างชัดเจน ซึ่งปัจจุบันแกนนำหนุนเหมืองตัวสำคัญที่ยังคงมีอิทธิพลและมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการทำเหมืองหินปูนและโรงโม่หินในพื้นที่ตำบลดงมะไฟ อำเภอสุวรรณคูหา ได้แก่
.
1. นายสุนา (นามสมมุติ) เป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดงมะไฟถึงสองสมัย ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสภาองค์กรบริหารส่วนตำบลดงมะไฟ เป็นคนผ่านเงินไปให้สมาชิก อบต. ฝ่ายโรงโม่ และคนอื่น ๆ ในการผลักดันการทำเหมืองหินปูนและโรงโม่หิน เคยต้องคดีอาญาปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับการทำประชาคมและรายงานการประชุมสภา อบต. เท็จ ซึ่งภายหลังจากที่นายประคอง (นามสมมติ) ย้ายไปประกอบอาชีพค้าขายที่จังหวัดระยอง จึงได้มีอิทธิพลและบทบาทเพิ่มมากขึ้นในการหนุนและทำทุกวิถีทางให้เกิดการทำเหมืองหินปูนและโรงโม่หินในพื้นที่ ทั้งยังเป็นน้องเขยของนายคุ้ม (นามสมมุติ) ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านโชคชัย ม.8
.
2. นายคุ้ม (นามสมมุติ) เป็นคู่เขยด้วยกันกับนายสุนา และยังเป็นเพื่อนสนิทกับนายประคอง ซึ่งมาสนิทสนมกันมากขึ้นจากการพยายามผลักดันการทำเหมืองหินปูนและโรงโม่หินร่วมกัน ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านโชคชัย ม.12 และประกอบอาชีพเกษตรกร
.
3. นายรุน (นามสมมุติ) เป็นเพื่อนสนิทกับนายประคอง แต่มารู้จักกับนายสุนาในภายหลังจากการพยายามผลักดันการทำเหมืองหินปูนและโรงโม่หินร่วมกัน และมีลูกน้อง คือ นายแก่น (นามสมมุติ) ที่คอยปล่อยข่าวต่างๆ นานา และสร้างสถานการณ์ก่อกวนชาวบ้านฝ่ายค้านเหมือง ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านโชคชัย ม.12 และประกอบอาชีพเกษตรกร
.
4. นายอำคา (นามสมมุติ) เป็นญาติห่าง ๆ กับนายรุน เคยเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านโชคชัย ม.12 แต่โดนไล่ออกจากตำแหน่ง และมีลูกน้องคนสนิท คือ นายคำสิง (นามสมมุติ) อาศัยอยู่บ้านโชคชัย หมู่ 8
.
5. นายเงาะ (นามสมมุติ) เป็นคนงานเหมืองหินปูน เคยเช่าที่ดินเสี่ยเมืองอุดรธานีทำนามาก่อนตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งเหมืองหินและโรงโม่ ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านนาเจริญ ม.11
.
ซึ่งมีตัวละครเบื้องหลังเดิมที่ก่อการสู่การสังหารแกนนำคัดค้านเหมืองหินปูน 4 ศพแรก ยังคงมีอิทธิพลและบทบาทสำคัญมาจนถึงปัจจุบันชัดเจน และยังติดต่อประสานงานกันมาโดยตลอด ซึ่งในอดีตนายประคอง (นามสมมติ) ได้ร่วมมือกันกับนายจวง (นามสมมติ) อดีตสหายพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ร่วมกันจัดหามือปืนในพื้นที่ลอบยิงกำนันทองม้วน คำแจ่ม และนายสม หอมพรมมา จากการที่ต่างฝ่ายต่างก็ได้รับผลประโยชน์จากเสี่ยไฮ้เช่นกัน ภายหลังจากที่นายประคองลดบทบาทและไปทำมาหากินที่ระยอง นายสุนาก็ขึ้นมามีอิทธิพลแทนอย่างรวดเร็วจากการเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลดงมะไฟถึง 2 สมัย และพยายามหนุนเหมืองหินปูนและโรงโม่หินด้วยการปลอมแปลงเอกสารผลักดันจนเกิดเหมืองหินปูนและโรงโม่หินในที่สุด จนได้รับฉายาว่า ‘เสี่ยไฮ้เจ้าของเหมือง สุนาเจ้าของโรงโม่’
.
ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังการก่อตัวของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ขณะนี้ และกำลังทำให้สถานการณ์ความรุนแรงไต่ระดับขึ้นเรื่อย ๆ จากการหาเป้า ล็อกเป้า สู่การชี้เป้าในที่สุด
.
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2563 เวลาประมาณ 06.18 น. ได้มีชายวัยกลางคนไม่ทราบชื่อ ขับรถจักรยานยนต์ Honda click 125i สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน คพย 951 จ.อุดรธานี มาจอดตรงบริเวณหน้าสถานที่ชุมนุม และเข้ามาพูดจาข่มขู่คุกคามกับชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯ ว่า “ใครให้มาชุมนุม ใครเป็นคนหนุนหลังให้มาชุมนุมอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวจะมาพังสถานที่ชุมนุม รื้อเต้นท์ และหากไม่หยุดชุมนุมก็จะมีคนตายอีก” ต่อมาเวลาประมาณ 08.33 น. ชายคนดังกล่าวได้ขับรถจักรยานยนต์คันเดิมมาวนเวียนรอบบริเวณถนนหน้าสถานที่ชุมนุมอีกถึง 3 รอบ โดยต่อมาทราบว่า ชายคนดังกล่าวเป็นคนบ้านดงมะไฟ ม.1 เป็นคนงานร้านวัสดุก่อสร้างในพื้นที่ที่มาซื้อหินจากเหมืองไปขายต่อ
.
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 เวลาประมาณ 19.00 น. นายออ (นามสมมติ) คนงานเหมืองหินปูน ได้มาก่อกวนชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ฯที่บริเวณหน้าสถานที่ชุมนุม ทั้งยังพูดจาก่อกวนถามว่า “ใครเป็นแกนนำ ใครให้มาชุมนุม” โดยทางชาวบ้านกล่าวว่า “ไม่มี” แต่นายออก็ยังไม่ยอมกลับบ้านและนั่งอยู่บริเวณด้านหน้าที่ชุมนุม ซึ่งพอนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ กำลังจะเดินทางกลับที่พักเพื่อไปทำธุระส่วนตัวและได้ขับรถยนต์ออกไป นายออจึงขับรถจักรยานยนต์ตามไปด้วย โดยได้ขับรถจักรยานยนต์เบียด ปาดหน้า พร้อมทั้งบีบแตรใส่รถยนต์ของนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์
.
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2563 เวลาประมาณ 10.00 น. นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ได้ถูกบุกประชิดตัวถึงหน้าบ้านพักอาศัย โดยนายเงาะเดินเข้ามายืนประกบทางด้านหลังของนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ขณะที่กำลังทำความสะอาดรถยนต์อยู่ ซึ่งไม่มีการทักทายใด ๆ ก่อนเข้ามาหาและยังมีท่าทีคุกคามผิดวิสัย ซึ่งสร้างความตกใจแก่นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ เป็นอย่างมาก โดยมาทราบภายหลังว่านายเงาะเป็นคนงานเหมืองหินปูนด้วย
.
และในวันเดียวกัน เวลาประมาณ 16.00 น. นายแสวง (นามสมมุติ) คนงานเหมืองหิน ได้มาแฝงตัวในสถานที่ชุมนุม เพื่อสืบข่าว ตรวจสอบสถานที่ชุมนุม และนับจำนวนคนมาร่วมชุมนุม โดยมีการมองหน้าชาวบ้านทุกคนและพูดคุยกับชาวบ้านบางส่วนก่อนเดินทางกลับไป
.
เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2563 ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้านรอบเหมืองทองคำ จ.เลย ได้รับโทรศัพท์ติดต่อมาจากนายอ่วม (นามสมมุติ) ซึ่งโทรศัพท์ไปบอกชาวบ้านว่า วันที่ 25 ก.ย. 63 นี้ อย่าให้พี่น้องนาหนองบงมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มอนุรักษ์ฯ เพราะมีการจ้างมือปืนสั่งเก็บแกนนำที่เป็น NGO แล้ว
.
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 นายขาว (นามสมมติ) ชวนเพื่อนอีกคนหนึ่ง เดินทางไปหาเสี่ยไฮ้ที่อําเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่จับสังเกตลักษณะความผิดปกติและความไม่น่าไว้วางใจของนายขาวมาเนิ่นนานแล้ว
.
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 เวลาประมาณ 15.37 น. นายสุริยา (นามสมมติ) ได้บุกมาบ้านพักอาศัยชั่วคราวของนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ พร้อมทั้งพกพาอาวุธปืนมาด้วย และพยายามเดินสำรวจรอบ ๆ บ้านถึง 3 รอบ และได้พยายามสอดส่องเข้ามาในตัวบ้านลักษณะเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ ซึ่งในวันดังกล่าวนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ไม่ได้พักอยู่ที่นั้นพอดี โดยทางเจ้าของบ้านได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุวรรณคูหา เพื่อให้ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป ซึ่งก่อนที่นายสุริยาจะขึ้นรถตำรวจไปได้กล่าว “มันหลอกกูให้มาโดนจับตั๋วนิ”
.
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2563 เวลาประมาณ 13.50 น. นายอ่วมได้โทรศัพท์หานายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ถามว่า “ได้เข้าไปชุมนุมกับนักศึกษาที่สนามหลวงด้วยไหม” โดยนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ได้ตอบว่า “ไม่ได้ไปด้วย” ซึ่งนายอ่วมก็วางสายทันทีโดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
.
เมื่อคืนวันที่ 21 กันยายน 2563 เวลาประมาณ 15.00 น. เวลาประมาณ 20.26 น. นายขาวได้มานั่งสังเกตการณ์และจับตาความเคลื่อนไหวของนายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ ที่สถานที่ชุมนุมหน้าถนนทางเข้าเหมือง ซึ่งในขณะเดียวกันได้มีข่าวในพื้นที่ว่า กำนันประคองได้กลับมาจากระยองแล้วและกำลังนั่งกินเหล้ากับเพื่อนอยู่บ้านนาไร่ ซึ่งนายขาวได้มานั่งอยู่ประมาณ 10 นาที และเดินทางกลับออกไปทางบ้านนาเจริญ และมีข่าวลือในพื้นที่อีกว่า นายประคองจะกลับมาลงนายก อบต.ดงมะไฟ อีกครั้ง