1824
.
หลังจากมีโรงบ่มเป็นของตัวเอง มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ผมก็รู้สึกได้รับชัยชนะ ที่ไม่เคยคิดไว้ก่อนเลยว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้ได้ก็สำเร็จแล้ว เราไม่ใช่คนทำผิดกฎหมาย เราไม่อายเสียงครหานินทา จากใครๆ การรับรู้การแบกรับความทรงจำเก่าก่อนจากแม่จากพ่อถึงโชคชะตานักต้มเหล้าเถื่อน คนหมักสาโทขาย อาชีพสั้นๆ เมื่อครั้งที่พ่อแม่อพยพจากศรีขรภูมิมาอยู่ที่นี่ก่อนผมเกิด การบุกเบิก “ขุดทอง” หมายถึงมาแผ้วถางจับจองผืนดินตามนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการเกณฑ์คนมาอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดนเพื่อทำลายพื้นที่ป่า สร้างผลผลิตการเกษตรและเป็นปราการรับมือขบวนการคอมมิวนิสต์ คนร้อยพ่อพันแม่ มาตั้งรกรากที่นี่ตลอดแนวตะเข็บชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีปัญหาพรมแดน ทั้งสองฝ่ายจึงใช้มาตรการเดียวกัน
.
การอพยพมาของคนจน จึงเริ่มต้นไม่ใช่ง่ายๆ ไม่มีข้าวกิน ไม่มีลู่ทางมากนัก แม่มักเล่าว่าเธอต้องหาบคอนพริก มะเขือไปแลกข้าว ไกลมากตะออกจรด บ้านแนงมุด ตะวันตกจรดนิคมฯบ้านกรวด ออกจากบ้านเช้ามืด กลับมาถึงก็มืดค่ำ กว่าจะได้ข้าวมาหุงประทัง วิชาต้มเหล้าจึงเป็นวิชาชีพที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ พ่อมักรำพันเสมอว่า พ่อกับแม่หาบผักไปแลกข้าวจนเป็นแผลกดทับที่ไหล่ ขายเหล้าเถื่อน เก็บหอมรอมริบนานปีกว่าจะมีเงินซื้อที่ดินสักแปลง
.
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ผมหวงแหนที่ดินที่รับสืบทอดมรดก ผมเกิดในป่าเติบโตวัยเยาว์ในป่า เป็นไข้เลือดแต่เด็ก เป็นมาเลเรียตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ทำให้แม่มักพูดว่า “กูไม่เคยคิดว่ามึงจะรอดเติบโตเป็นคนได้ขนาดนี้..”
.
เมื่อมีโรงบ่มมีใบอนุญาต ( ดูแล้วเป็นเพิงผุๆ มากกว่า ) ผมก็เริ่มวาดฝัน สดสวย ความหวังมหาศาลพวยพุ่งผลักดันให้ลงมือทันที ผมวางแผนจัดลำดับ ไล่เรียงแผนการหมักบ่มเต็มกำลัง หม่อน เสาวรส กระเจี๊ยบ ลงมือแบบเต็มเอียดทุกโอ่งทุกถัง ทุกบาททุกสตางค์ ที่หามาได้ ผมแทบไม่กล้าซื้อแม้แต่เสื้อผ้าสักตัวมาใส่ แผนต่อมาคือ ถ้าผลิตถ้าขายได้ ทำตลาดได้ หรือทิศทางดี ผมจะขยายการผลิต แน่นอน สิ่งที่ผมฝันมาทั้งชีวิตของการเป็นเกษตรกร คือการได้สนับสนุนผลผลิตเพื่อนเกษตร ได้เปลี่ยนทิศทางเพื่อนที่ทำเกษตรเคมีอันตรายมาเป็นเกษตรปลอดสาร เกษตรอินทรีย์ เกษตรธรรมชาติมากขึ้น ขยายเครือข่ายจากราก และถ้าโอกาสทางการตลาดมาตามที่คาดจริงๆ ผมอาจจะขยายโรงบ่มไปตั้งในแหล่งวัตถุดิบต่างๆ สร้างอารยธรรมซีโมนในประเทศนี้ โอ้..!! ผมฝันอหังการมาก และนั่นเป็นห้วงเวลาที่วิเศษจริงๆ สำหรับชีวิตเกษตรกรตัวเล็กๆคนหนึ่ง
เข้าฤดูมีนา เมษา พฤษภา ปี2561 นั้นเอง ไวน์ที่หมัก ที่บ่มเกือบทั้งหมด เริ่มออกอาการประหลาด มีฟองฟูฟ่อง คล้ายๆ เดือด ผมเคยทำครั้งแรกที่ใต้ถุนกระท่อมที่บ้าน เป็นการทำทดลอง เรียนรู้ ไม่เคยทำจริงจังเต็มกำลัง วิธีการก็ไม่เหมือนในตำรา เราทำง่ายๆ ใช้วัสดุที่มี เมื่อมีปัญหาจึงไม่อาจจะถามใครได้ เพราะผู้รู้ส่วนใหญ่ทำในวิธีอื่นตามแนววิชาการหรือวิทยาศาสตร์ไวน์ที่ฝรั่งเขาทำ ซึ่งนั่นต้องใช่เครื่องมือวัดค่า ใช้องค์ความรู้เยอะมาก เราแค่เกษตรกรทำแบบบ้านๆ ไม่มีระบบ Air lock ไม่มีการควบคุมอุณหภูมิ คือวัดค่าผลไม้ อุปกรณ์ก็ตรงตามมาตรฐนการทำไวน์แบบตะวันตก เมื่อขนไวน์ไปออกร้านปรากฏว่าไวน์ระเบิด ผมเคยเททิ้งทั้งคันรถ หรือขนกลับคืนทั้งหมด
.
เท่าที่ค้นคว้าได้ คือ อุณหภูมิโรงบ่มของผม ผลพวงที่ต้องมาสร้างโรงบ่มในสวน ตากแดดทั้งวันเพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้ทำในที่ชุมชน บางวันสูงเกิน 40 องศา ร้อนจนผมหายใจไม่ออก นี่คือปัญหาหลัก ปัญหาที่สองไวน์ผมทำจากผลไม้ที่ไม่มีรสหวานจึงต้องใช้น้ำตาลมาเป็นอาหารยีสต์ทำให้เมื่อสัมผัสกับอุณหภูมิสูงๆ ทั้งกลิ่นและรสชาติผันแปร ไม่ซ้ำเดิม และที่สำคัญไวน์ยังมีน้ำตาลซ่อนอยู่ แม้แค่เล็กน้อย หากมีการขยับเขยื้อนเขย่า จะมีโอกาสสูงมากที่จะทำให้ยืสต์ฟื้นตื่นกลับมาอีก ตั้งแต่ปลายปี 2561 ถึงปี 2562 ไวน์ผมระเบิดสนั่นหวั่นไหว และแฟนคลับก็โทรมาติหนิ ด่า ผิดหวังกับผมาก ผมเศร้าจนไม่มีแรงจะทำอะไรต่อ อันไหนมีปัญหาเททิ้ง ขายเฉพาะที่ขายได้ ถึงตอนนี้ ผมไม่มีเงินลงทุนต่อแล้ว ไม่มีงบซื้อขวด ซื้อก๊อก ซื้อน้ำตาล ที่หาได้ทั้งหมดก็ลงถังบ่มหมดแล้ว
.
ความเศร้า ความท้อแท้ สิ้นหวังประเดประดังทับถม ความเชื่อมั่นหมดสิ้น วันๆ คอยตำหนิตัวเองตลอดเวลา คอยคิดคอยหาคำตอบ ว่ามันเพราะอะไร เกิดจากอะไร ที่สุดแล้วผมก็ยอมรับความจริงว่า ผมมีพื้นฐานความรู้เรื่องไวน์น้อยมาก แค่ลองทำดูพอมีแอลกอฮอล์ ก็กรอกขายเลย แต่ในเมื่อเราเดินมาแล้ว ยังไงๆก็ต้องพยายามเรียนรู้หาทางแก้ไข เพราะคนทุนต่ำ จากจุดเริ่มเกษตรกรอย่างเรา มีทุนน้อย แค่หลักทรัพย์ไปจำนอง เมื่อจำนองหมดแล้ว ใช้หมดแล้ว ก็หมดหนทางไปต่อ นี่แหละที่เป็นเหตุผลว่าทำไม ผมวิจารณ์เงินทุนรัฐ อย่าง SMEs ที่คับแคบ ทอดทิ้ง ผู้ประกอบการเกษตรกรอย่างเรา
.
ผมเก็บหอมรอมริบอยู่พักหนึ่งจนเดือนเมษายน ปี 2562 ก็มีงบก้อนเล็กๆ ราวๆ 2 หมื่นบาท จึงตัดสินใจแก้ปัญหาที่รุมเร้าใจ คือเอามาติดชนวนกันร้อนใต้หลังคา ซึ่งก็ได้ผลเกินคาด อุณหภูมิลดลงเกือบ 10 องศา ประคองไวน์ให้ผ่านพ้นฤดูร้อนไปได้ ด้วยดี กำลังใจผมเริ่มกลับคืนเงียบๆ กระนั้น ก็ยังปริวิตก เพราะรสชาติไวน์ยังผันผวน แปรปรวน ไม่คงเดิมในแต่ละถัง แต่ละรุ่น แก้ไขอย่างไรก็ไม่จบ!!
.
จนวันหนึ่ง ผมได้กลับมาพบกับ พี่นิโรธ (นิโรธ สังข์สุวรรณ เจ้าของแบรนด์ไวน์ ลมตะวันออก Eastern Win ) ผู้เปิดโลกทัศน์และให้แรงบันดาลใจ เรื่องไวน์กับผม แก่มักพูดกับผมว่า wine of truth ไวน์คือความจริง !!
.
ใช่สิ ? ทำไมผมไม่ยอมนึกถึงปรัชญาข้อนี้ ไวน์คือ ความจริง....
.
ความจริงคือ สภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิบ้านเรา สุดๆมาก หนาวก็หนาวยะเยือก ร้อนก็ร้อนตับแตก อีกทั้ง รสชาติน้ำ ภาวะโรงบ่ม ผลไม้มีรสตามฤดูกาล ทั้งหมดคือความจริง ที่ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่เป็นจริง ตามปัจจัยธรรมชาติ
เคยมีลูกค้าที่เมตตาหลายเคยพยายามให้กำลังใจผม และบอกว่า "ฝรั่งมันบ้า ประเทศมันมีแต่หนาว มันก็ว่า ไวน์ (แหล่งกำเนิดมาจากฝรั่ง) ต้องรสชาตินี้เท่านั้น ซึ่งไม่จริง ไวน์มีทั่วโลก แต่ละที่รสชาติไม่เหมือนกันหรอก"
ใช่ครับ ... ไวน์ผมเหมือนไวน์เขตร้อนทั่วไป อย่างไวน์ชิลี ไวน์สเปน ซึ่งมีคนนิยมไม่น้อยเพราะรสชาติร้อนแรง ดุดัน วูบวาบ
.
หลายวันหลายเดือนที่ผมกลับไปครุ่นคิด จนเกิดความกระจ่างใจ ใช่แล้ว...!! นี่คือความจริงในแผ่นดินบ้านผม อำเภอพนมดงรัก ที่ผมเขียน ว่า Phanomdongrak Plateau หรือที่ราบสูงพนมดงรัก ไว้ข้างฉลาก และผมจะบอกโลกออกไปว่า นี่คือ Wine of Surin
เพราะถ้าอุณภูมิ รสชาติผลไม้ รสชาติของน้ำ และกระบวนการของเราเป็นแบบนี้ ธรรมชาติเกื้อหนุนให้เกิดผลลัพธ์แบบนี้ เป็นความจริง เช่นนี้นิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลง ผมจะวิตกทำไม แค่บอกโลกออกไปว่า นี่คือ Wine of Truth
.มันคือ รสชาติของแต่ละฤดูกาล คุณไม่ปรารถนาจะลิ้มลองแบบนี้หรือ ?
โดย เกษตรกรขบถ ไร่ทวนลม
ติดต่อประสานงาน - Contact
Tel : 099-014-3797
ทศพร แกล้วการไร่ : ผู้ดูแลเว็บ - Webmaster
Tel : 080-078-4016
อัฎธิชัย ศิริเทศ : บรรณาธิการ - Editor
Tel : 082-178-3849
Email : webmaster@thaingo.org
Office Hours : Mon-Fri , 9.00-17.00
2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
2044/23 New Phetchaburi Road, Bangkapi, Huai Khwang, Bankok 10310
+662 314 4112