ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เว็บ thaingo.org จะปรับค่าบริการจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาท
From January 1, 2023, thaingo.org will adjust job announcement fee from 300 baht to 500 baht.

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

แถลงการณ์เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน หยุดใช้ พรก.ฉุกเฉิน กีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรน้ำ

ขอบคุณภาพจาก : https://www.banmuang.co.th/news/region/198406

 

            นับตั้งแต่ประเทศไทยมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ภายในประเทศเป็นครั้งแรกในช่วงเดือนมกราคม 2563 ที่ผ่านมา ต่อจากนั้นเกิดการระบาดใหญ่มาตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2563 จนไปสู่การประการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสฯ ดังกล่าว ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม ภาคประชาชน และภาคประชาสังคม ตลอดจนภาคส่วนธุรกิจต่าง ๆ ที่มองว่าการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน จะส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ที่สำคัญสิทธิ เสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกจะถูกจำกัดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสฯ ดังกล่าว ภายในประเทศจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ไม่พบการแพร่ระบาดภายในประเทศติดต่อกันหลายวัน แต่รัฐบาลกลับมีการประกาศขยายระยะเวลา พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพิ่มไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 และยังไม่มีการยืนยันถึงแนวโน้มที่จะยกเลิกกฎหมายนี้ในเร็ววัน

            พวกเรา เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน ในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมและเครือข่ายภาคประชาชน ที่เฝ้าติดตามสถานการณ์การพัฒนาในลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง โดยเฉพาะการผลักดันและการก่อสร้างเขื่อนต่าง ๆ บนแม่น้ำโขง รวมทั้งโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ที่กำลังถูกผลักดันในภาคอีสานคือ โครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล ตลอดจนโครงการจัดการน้ำตามพื้นที่ลุ่มน้ำสาขาที่สำคัญในภาคอีสาน ได้รับผลกระทบและบทเรียนอย่างสำคัญจากการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในช่วงเวลามากกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งภาครัฐใช้ พ.ร.ก ฉุกเฉิน มาเป็นข้ออ้าง เพื่อกีดกันการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน้ำในภาคอีสาน ดังกรณีที่กรมชลประทานเลื่อนการจัดเวทีสาธารณะ เพื่อแก้ไขปัญหาเขื่อนศรีสองรักษ์ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างถึง สถานการณ์ปัญหาไวรัสโคโรน่า 2019 และ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ทั้งที่กรมชลประทาน มีการลงนามบันทึกข้อตกลงกับกลุ่มชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบแล้ว

            ในขณะเดียวกัน ที่รัฐบาลใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นเครื่องมือกีดกันการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการน้ำ จนทำให้เกิดความยากลำบากในการเคลื่อนไหว เพื่อปกป้องทรัพยากร กลับปรากกฎว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ที่มี นายธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นประธานกรรมาธิการฯ ยังคงเดินหน้าพิจารณาผลักดันโครงการจัดการน้ำขาดใหญ่ โดยเฉพาะโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำคือ โครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล ที่มีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง เลย ชี มูล สงคราม เสมือนเป็นการรับลูกการผลักดันโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่เหล่านี้ จากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมชลประทาน (ชป.) โดยเฉพาะ กรมชลประทาน หนึ่งในหน่วยงานรัฐ ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดันโครงการเหล่านี้มาอย่างยาวนาน โดยอ้างเหตุผลความชอบธรรมถึงสถานการณ์ปัญหาภัยแล้ง การขาดแคลนน้ำ  และการป้องกันน้ำท่วม ทั้งที่โครงการดังกล่าวนี้ เดิมคือ โครงการโขง-ชี-มูล ยังไม่มีการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เคยเกิดขึ้นอย่างแท้จริง จนเป็นรอยแผลที่เกาะกุมจิตใจคนอีสานตามลุ่มน้ำมูลและลุ่มน้ำชีที่ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว มากว่า 3 ทศวรรษ

            พวกเรา เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน มีความห่วงกังวลต่อสถานการณ์การเร่งรัด ผลักดันโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล  ยิ่งไปกว่านั้น บทบาทของคณะกรรมาธิการฯ ที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาและผลักดันโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ ภายใต้สถานการณ์ที่ภาคประชาชนและภาคประชาชนถูกปิดกั้นการมีส่วนร่วม จะกลับกลายเป็นว่า หน่วยงานภาครัฐ สามารถฉวยโอกาสในการผลักดันโครงการจัดการน้ำต่าง ๆ สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ที่คลี่คลายลงจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้หน่วยงานภาครัฐมีแนวโน้มที่จะใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลกับโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่  ดังปรากฏให้เห็นผ่านเอกสารประกอบการพิจารณางบประมาณแผ่นดิน ประจำปี 2564 ที่เผยแพร่ออกมาสู่สาธารณะ สิ่งเหล่านี้มีแนวโน้มไปสู่ปัญหาความไม่โปร่งใส การขาดความชอบธรรม และการขาดหลักธรรมาภิบาลในการจัดการโครงการ

            ฉะนั้น พวกเรา เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน จึงมีข้อเสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสังคมสาธารณะ ต่อสถานการณ์ปัญหาการขาดการมีส่าวนร่วมในการจัดการทรัพยากรน้ำของภาคประชาชน ดังต่อไปนี้

            ประการแรก ขอให้รัฐบาลไทยยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินและการใช้อำนาจพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ทันที แล้วทำการทบทวนนโยบายและโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสานทั้งระบบ เพราะในช่วงที่ผ่านมา การพัฒนาโครงการจัดการน้ำต่าง ๆ ยังดำเนินตามแนวทางการจัดการน้ำแบบเดิมที่มุ่งพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ตามลุ่มน้ำต่าง ๆ แต่บทเรียนที่ผ่านตลอด 6 ทศวรรษในการจัดการน้ำภาคอีสานได้บ่งชี้ว่า การจัดการน้ำควรสอดคล้องกับระบบนิเวศและวัฒนธรรมของพื้นที่ภายใต้บริบทของพื้นที่ที่หลากหลาย

            ประการที่สอง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ และคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง เลย ชี มูล สงคราม ต้องทบทวนบทบาท การทำงาน และการศึกษาต่าง ๆ ในช่วงที่ผ่านมา ที่เกี่ยวข้องกับโครงการผันน้ำโขง-เลย-ชี-มูล และโครงการจัดการน้ำต่าง ๆ ตามลุ่มน้ำสาขาในภาคอีสานทั้งระบบ โดยต้องกลับมาเริ่มต้นศึกษาและประเมินความคุ้มค่าที่แท้จริงของโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ต่าง ๆ เพราะที่ผ่านมาได้มีการละเลยการศึกษาถึง มิติความคุ้มค่า โครงการฯ แต่กลับมีมุมมองการจัดการน้ำแบบแยกส่วนและการแก้ไขปัญหาทรัพยากรน้ำระยะสั้นตามสถานการณ์เพียงเท่านั้น

            ประการที่สาม ขอให้ กลุ่ม องค์กร ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมต่าง ๆ ตลอดจนพลเมืองกับเสรีชนทุกท่าน มาร่วมกันตรวจสอบ วิพากษ์ วิจารณ์ การผลักดันโครงการจัดการน้ำขนาดใหญ่ในภาคอีสาน ที่กำลังถูกปัดฝุ่นกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ท่ามกลางการใช้กฎหมายพิเศษจำกัดสิทธิ เสรีภาพประชาชนในการเคลื่อนไหวเพื่อการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากร

 

       ด้วยจิตคาราวะ

 

เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำโขงอีสาน

17 กรกฎาคม 2563

หน่วยงาน/องค์กร/เครือข่าย/บุคคล

1. สมาคมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม

2. ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

3. กลุ่มฮักแม่น้ำเลย

4. กลุ่มฮักเชียงคาน

5. กลุ่มอนุรักษ์แม่น้ำโขง อำเภอปากชม จังหวัดเลย

6. กลุ่มลุ่มน้ำโขงศึกษา

7.กลุ่มอนุรักษ์​สิ่งแวดล้อมอุดรธานี

8.กลุ่มฟื้นฟูลุ่มน้ำลำพระเนียง

9.โปรเจกต์เสวนาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

10.มูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน

11.เครือข่ายชาวบ้านลุ่มน้ำชีตอล่าง จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร

12.ศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชีตอนล่าง

13.เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน

14.เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำอีสาน

15.กลุ่มอนุรักษ์ลำน้ำเซบาย เชียงเพ็ง

16.สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนราศีไศล

17.สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนหัวนา

18.คณะกรรมการประชาชนคัดค้านโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลภาคอีสาน(คปน.)

19.กลุ่มประชาธิปไตยไทบ้าน

20.มูลนิธิพิทักษ์ธรรมชาติเพื่อชีวิตจังหวัดอุบลราชธานี

21.เครือข่ายปฎิรูปที่ดินภาคอีสาน(คปอ.)

22.ชุมชนนักกิจกรรมภาคเหนือ(CAN) Northern Activist Community​

23.สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน

24.สมัชชาคนจน

25.ขบวนการอีสานใหม่ new isan movement

26.ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม

27.กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม (ดาวดิน)

28.กลุ่มรักเชียงของ

29.กลุ่มผู้ผลิตสื่อสารคดีเพื่อเสรีภาพแม่น้ำโขง

30.ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม

31.มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม

32.สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.)​

33.มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)

34​.สมาคมแม่น้ำเพื่อชีวิต

35.สถาบันชุมชนลุ่มน้ำโขง จังหวัดอุบลราชธานี

36.มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย)​

37. เครือข่ายอนุรักษ์ภูหินเหล็กไฟ

38.กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี

39.ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ อีสาน(ศศส.)

40.สภาองค์กรชุมชน ต.โนนสะอาด อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น

41.กลุ่มฮักบ้านเกิด เมืองเพีย  จังหวัดขอนแก่น

42.เครือข่ายชุมชนและภาคประชาสังคมติดตามสถานการณ์ธุรกิจและสิทธิมนุษยชน

43.กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมห้วยเสือเต้นและโคกหินขาว

44.โครงการทามมูน

45.เครือข่ายประชาชนลุ่มน้ำ ภาคอีสาน

46. เครือข่ายประชาชนไทย 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง

47. สมาคมเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาเทือกเขาเพชรบูรณ์

48. สภาผู้นำลุ่มน้ำพุงและป่าสักตอนบน

49. เครือข่ายองค์กรชุมชนเทือกเขาเพชรบูรณ์

50. สมาคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและสาธารณะ

51. สภาผู้ผลิตและบริโภค จังหวัดเลย

52. เครือข่ายอนุรักษ์ป่าหัวไร่ปลายนา จังหวัดหนองบัวลำภู

53. เครือข่ายชาติพันธุ์เทือกเขาเพชรบูรณ์

54. สภาองค์กรชุมชนตำบลวังสะพุง

55.สมัชชานักศึกษาอีสาน

56.กลุ่มเสรีภาพแม่น้ำโขง

 

--------------------------------------------------------

รายนามบุคคล

1. นายณรงค์ฤทธิ์  อุปจันทร์

2. นายฐากูร สรวงศ์สิริ

3. นายสมพงศ์ อาษากิจ

4.นายจันทรา ธนะวัฒนาวงศ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

5.มณีรัตน์​ มิตรประสาท

6.นายแพทย์นิรันดร์พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนปี2552-2558

7.นายสันติภาพ  ศิริวัฒน์ไพบูลย์

8.นายจตุรภัทร บุญภัทรรักษา

9.นายนิรันดร​ คำนุ

10.นายเดชา​ คำเบ้าเมือง

11.นายชาญณรงค์​ วงศ์ลา

12.นาย​ศิระศักดิ์ คชสวัสดิ์​

13.นายวิพัฒนาชัย​ พิมพ์หิน  ประธานสภาองค์กรชุมชน ต.โนนสะอาด​ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น​

14.รศ.ดร.อลงกรณ์ อรรคแสง​ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง หาวิทยาลัยมหาสารคาม

15.ดร.เลิศชาย​ ศิริชัย

16.นางสาวภัทรา วรลักษณ์

17.นางสาวจิตราภรณ์ สมยานนทนากุล

18.นายภมร ภูผิวผา

 

 

 

 

ผู้ประสานงาน: นายสุวิทย์  กุหลาบวงษ์ สมาคมส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม

เบอร์โทร 0981055324