Advertisement

Banner 600x250 px

Advertise with us

ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

การต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

การต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

24 June 2020

1524

 

การต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน

โดยเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่

          ให้หลังประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019  หรือโรคโควิด 19  ได้ 6 วัน  ในวันที่ 31 มีนาคม 2563  กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได ที่ต่อสู้คัดค้านการทำเหมืองหินปูนที่ ต.ดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู มาอย่างยาวนาน  ก็ได้ออกมาอ่านแถลงการณ์แบบเว้นระยะห่างระหว่างกัน (Social Distancing)  ตามมาตรการป้องกันโรคโควิด 19  ที่หน้าเหมือง  โดยมีชื่อแถลงการณ์ว่า ‘หยุดเหมืองหินปูนดงมะไฟ  หยุดละเมิดสิทธิและเสรีภาพโดย พ.ร.ก. ฉุกเฉิน’

          เนื้อหารายละเอียดของแถลงการณ์ดังกล่าว  มีดังนี้ 

          “เนื่องด้วยปัจจุบันบ้านเมืองเรากำลังเผชิญกับวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด 19  ซึ่งเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่ายและเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อชีวิตผู้ได้รับเชื้อ  ประกอบกับในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคหรือยังไม่มียารักษาโรคโดยตรง  จึงส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคไวรัสโควิด 19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  โดยมีข้อกำหนดข้อหนึ่งที่ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 30 เมษายน 2563  เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด 19 ในบ้านเมืองเรา  นั้น
          “พวกเราในนาม ‘กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได’  ซึ่งเป็นประชาชนของบ้านเมืองนี้ที่ต้องทำการถือปฏิบัติตามข้อกำหนดของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อย่างเคร่งครัด  ที่สำคัญยังเป็นกลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านการทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินของบริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด  เนื้อที่กว่า 175 ไร่  บนภูผาฮวก  ตามประทานบัตรเลขที่ 27221/15393  ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ดังกล่าวโดยตรง  ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบต่อวิถีชีวิต  สุขภาพ  พืชผลทางการเกษตร  การคมนาคม  ระบบนิเวศน์  และยังต้องสูญเสียพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติของชุมชนอย่างถาวร

          “การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นการบีบบังคับให้พวกเราไม่สามารถออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพในการคัดค้านการทำเหมืองแร่ดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้  จึงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้บริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด สามารถทำเหมืองแร่หินปูนโดยระเบิดภูเขา  ทุบย่อยหิน  ขนส่งหินจากพื้นที่ข้ามจังหวัดได้  ท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่สามารถควบคุมการระบาดของโรคไวรัสโควิด 19  ที่มีจำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง  ดังนั้น  เพื่อให้เป็นการบังคับใช้หรือปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเป็นธรรมตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือภาครัฐต้องมีคำสั่งให้ บริษัท ธ. ศิลาสิทธิ จำกัด หยุดดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในการทำเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินด้วยเช่นกัน
          “มิเช่นนั้น  กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได  จำเป็นต้องกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  ด้วยการออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวเพื่อปิดเหมืองด้วยตนเอง  มิใช่นิ่งเฉยเพื่อให้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน กระทำการฝ่าฝืนสิทธิและเสรีภาพของเราอีกต่อไป”

          ต้องถือว่าเป็นแถลงการณ์ที่ค่อนข้างก้าวหน้าของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลพื้นที่หนึ่ง  ในขณะที่ประชาชนในพื้นที่อื่น ๆ ยังไม่ลุกขึ้นมาแสดงออกถึงการไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  แต่ประชาชนในตำบลดงมะไฟที่ต่อสู้คัดค้านเหมืองแร่มาอย่างยาวนานได้ลุกขึ้นมาแสดงออกว่าไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  โดยไม่เกรงกลัวคำข่มขู่คุกคามของเจ้าหน้าที่รัฐว่าจะถูกจับกุมดำเนินคดี 

          เพราะเพียงแค่ประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไป 6 วัน  กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันไดก็เริ่มเห็นว่า พ.ร.ก. ฉุกเฉิน มีปัญหาอย่างมากต่อการละเมิดหรือลิดรอนสิทธิและเสรีภาพของประชาชน

          ต่อจากนั้นก็มีการแสดงออกถึงการไม่ยอมรับ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในพื้นที่ต่าง ๆ มากขึ้น 

          มีการรับลูกกันระหว่างกลุ่มอนุรักษ์ฯกับเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่  จนเป็นที่มาของแคมเปญและออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2563  ในชื่อว่า  ‘ล็อคดาวน์เหมืองแร่  หยุดฉวยโอกาสให้สัมปทานเหมือง’  โดยมีเนื้อหารายละเอียด  ดังนี้

          “ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19  ที่มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทั้งยังมีผู้ที่ต้องกักตัวเฝ้าสังเกตอาการอีกเป็นจำนวนมาก  ซึ่งวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน  ยังส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ย่ำแย่ลงทุกวัน  ถึงแม้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548  หรือ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
          “แต่การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน โดยที่ไม่มีแผนรองรับที่ดี  ยิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้เดือดร้อนทุกข์ยากแสนสาหัสมากขึ้น  ซึ่งเป็นการขยายปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจให้กว้างขึ้น  โดยจะเห็นได้ว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ยิ่งนานก็ยิ่งส่งผลให้ประชาชนสูญเสียรายได้  ไร้อาชีพ  สร้างความเหลื่อมล้ำ  มีคนตกงานหลายล้านคน  ประชาชนคนเล็กคนน้อยต้องเข้าแถวรอรับบริจาคอาหารและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ในแต่ละวัน
          “นอกจากนี้เงินเยียวยาจากรัฐบาลกลับมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างถ้วนหน้า  และหลายคนไม่มีทางออกจึงเลือกฆ่าตัวตาย  ซึ่งมากถึง 38 ราย  หรือครึ่งหนึ่งของการตายจากเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยภายใต้การประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  ซึ่งมีข้อกำหนดข้อหนึ่งในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน  โดยการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม - 30 เมษายน 2563  เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในประเทศไทย  และมีแนวโน้มว่านายกรัฐมนตรีจะต่ออายุ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน  นั้น

          “พวกเราประชาชนในนาม ‘เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่’  ซึ่งเป็นประชาชนของประเทศ  เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อน  และผู้ได้รับผลกระทบจากการสำรวจและการทำเหมืองแร่โดยตรงในหลายพื้นที่ของประเทศไทย  ซึ่งได้ดำเนินการในการเฝ้าจับตา  ติดตาม  และตรวจสอบการดำเนินนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ของภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดตลอดมา  เห็นว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการออกมาใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน  และเป็นการจำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิต  ชุมชน  และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ซึ่งไม่สามารถออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกต่อโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในการสำรวจและการทำเหมืองแร่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังเช่นสถานการณ์ปกติได้

          “แต่ในขณะเดียวกันนั้นกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นเป็นปกติ  ซึ่งกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นการจำกัดการเข้าถึงของประชาชนในพื้นที่  ยิ่งทำให้ประชาชนขาดการมีส่วนร่วม  และเป็นการละเลยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและชุมชน  ซึ่งเป็นสิทธิตามธรรมชาติโดยชอบธรรมนั้น

          “ดังนั้น  เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม  พวกเราในนาม ‘เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่’  จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้

          “1. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องหยุดกระบวนการพิจารณาด้านต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การออกใบอนุญาตให้กับโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ทุกประเภทเอาไว้ก่อน  จนกว่าจะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้อย่างเป็นปกติ
          “2. กรณีที่ผู้ประกอบการทำเหมืองแร่ที่ได้รับการอนุมัติ/อนุญาตให้สำรวจและทำเหมืองแร่ไปแล้วนั้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน  เพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม  และไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อประชาชนในพื้นที่ต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 จากการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมชนของผู้ประกอบการ
          “3. กรณีที่ผู้ประกอบการมีความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่จากการสำรวจและทำเหมืองแร่  รวมทั้งมีการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น  หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน  เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19  และต้องต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน  ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพจาก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน อีกด้วย”

 

          นี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ที่ทำการต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในเดือนเมษายน 2563  ซึ่งยังมีการต่อต้านขัดขืนอีกในหลายพื้นที่  มากไปกว่าเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ด้วย  โดยที่รายงานสังคมและการเมืองฉบับนี้ไม่ได้หยิบจับมานำเสนอไว้ ณ ที่นี้.

 

 

 

 

 

- อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อมนุษยชาติ -

 

แรม 1 ค่ำ ดวงจันทร์กลมสีส้มสุก
ผ่อนคลายทุกข์ใจบ้างในคืนเหงา
ต้องกักตัวอยู่กับบ้านอีกนานเนาว์
โควิด 19 จะอยู่กับเรา.. อีกยาวไกล

 

จง "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ"
รัฐประกาศหยุดระบาดให้จงได้
แต่ประชาอยู่กับภาวะยากไร้
ไม่มีเงินยาไส้, ไม่พอกิน

 

เจลล้างมือกับหน้ากากหาไม่ได้
ถูกเก็บกักตุนไว้หมดสิ้น
นำมาปล่อยขายแพงแก๊งกังฉิน
รัฐบาลไม่ได้ยินว่าโก่งราคา

 

เราไม่หยุดอยู่บ้านเพื่อชาติหรอก
ไม่ทนฟังคำกลับกลอกรัฐชั่วช้า
แต่อยู่เพื่อมนุษยชาติ.. นะจ๊ะ
น่าคบหากว่าผีห่าผู้ปกครอง.

 

บทกวีต่อต้านขัดขืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน  โดยกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได 

เผยแพร่อยู่ในเฟซบุ๊กเพจ ‘เหมืองแร่หนองบัว’ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2563

(รายงานสังคมและการเมืองได้ทำการดัดแปลงบทกวีบางส่วนไปจากต้นฉบับเดิม)

Recent posts