ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

ความดักดานทางนโยบายและอคติทางกฎหมาย

ความดักดานทางนโยบายและอคติทางกฎหมาย

9 June 2020

2605


 

มัวแต่ก้มหน้าก้มตาดิ้นรน พาตัวเองให้รอดให้มีกิน ไปวันๆ ก็เลยไม่ได้หันมาแหงนมอง ความเป็นบ้านเมือง ที่คุมกะลาหัวเหนือหลังคาบ้าน ใครกันนำพา ใครกันออกกฎ ระเบียบ คำสั่ง แผนพัฒนาและนโยบาย ไม่มีใครอีกแล้วบนโลกใบนี้ที่ได้เป็น “เสรีชน” และไม่มีชนใด “ยอมจำนน” มิลุกขึ้นสู้

ทำให้มนุษยชาติ นับร้อยปีที่ผ่านมาคิด ค้นวิธีการ รูปแบบการปกครองที่ลดทอนความเหลื่อมล้ำและชนชั้น ระยะห่างระหว่างความเป็นมนุษย์ ซึ่งก็คือ ระบอบประชาธิปไตย ที่ปกครองโดยประชาชน จากประชาชน เพื่อประชาชน อย่างเสมอภาค เท่าเทียม ผ่านสภาผู้แทนราษฎร ที่ประชาชนเลือกตั้ง เพื่อกำกับ ควบคุม ตรวจตรา ตั้งกระทู้ถาม โหวต ฯลฯ แทนประชาชน ความเป็นชนชั้นในปัจจุบันอาจจะสลายรูปแบบไปแล้ว แต่การอยู่ในความสัมพันธ์แบบ ผู้ปกครองที่เหนือกว่า และ ผู้ใต้ปกครองที่คอยฟังคำสั่ง ยังมีอยู่ โดยเฉพาะในประเทศ ที่ยังด้อยพัฒนา อย่างไทย

.

หลายคนอาจจะท้วงหรือแย้ง ว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือ กำลังพัฒนา แต่ผม ไม่ยอมรับในบทสรุปนั้น เพราะในทางสิทธิ เสรีภาพ เราถูกควบคุม ปิดกั้น ติดตาม และอาจจะโดนอุ้มฆ่า ได้ตลอดเวลา (ล่าสุดคือ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์) ในการควบคุมอำนาจทางการเมือง เราได้รัฐบาลมาแบบไม่ใช่ด้วยวิธีการเลือกตั้งร้อยเปอร์เซ็น ในทางเศรษฐกิจ เราไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิทางการค้า ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ และเกษตรกร ถูกต่อลมหายใจไปวันๆด้วยเศษเงินแจกฟรี ในขณะที่ กลุ่มทุนใหญ่ๆ ไม่กี่ตระกูล กอบโกยตักตวง พุงแทบแตก!!

10 กว่าปี ของการมาเป็นเกษตรกร ดำเนินชีวิตอยู่ริมป่า ได้เห็น ได้ผจญปัญหา ได้คิด วิเคราะห์ มองแนวทางแก้ไข ดิ้นรน ลองผิดลองถูกมาตลอด ได้มาหาทางออก ได้มาดิ้นรนสู้ สร้างชีวิตบนผืนดิน ทำให้ค้นพบว่า ประชาชนคนส่วนใหญ่ ซึ่งก็คือ เกษตรกร ยังอยู่ในความสัมพันธ์แบบผู้ใต้ปกครอง กับนโยบายโปรยทาน แจกฟรี ให้เปล่า ที่ไร้สิทธิ์ไร้เสียง ไร้อำนาจกำหนดชะตาชีวิต ทั้งๆที่เราพูดตลอดว่า หากจะสร้างสังคมที่เข้มแข็งทางเศรษฐกิจได้ ต้องพัฒนาประชาชนให้รู้จักสร้างเครื่องมือหาปลา กว่า 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ประเทศนี้ วนเวียนกับนโยบายแจกปลา ให้เปล่า ได้ฟรี มาแทบทุกอย่างและหนักหนาสาหัสเมื่อ รัฐบาลที่มาจากคณะทหารเข้ามายึดอำนาจและปกครอง การส่งเสรม กระตุ้น สร้างศักยภาพให้ตัวเองของประชาชนลดน้อยถอยลง เราไม่เพียงได้รัฐบาลทหารที่ไม่มีศักยภาพเท่านั้น เราได้นโยบายที่เลอะเทอะ ไร้ทิศทาง และทอดทิ้งเกษตรกร คนส่วนใหญ่โดยสิ้นเชิง

เรารู้ทั้งรู้ ว่า อาชีพเกษตรกรรมเป็นอาชีพสำคัญ สร้างมั่นคงทางอาหารให้สังคม แต่ก็เป็นอาชีพทีผจญวิบากกรรมกับต้นทุนที่สูง แต่ผลผลิตได้ต่ำ ราคาผันผวน ธรรมปรวนแปร แถมทิศทางไปเบื้องหน้าก็ยังมืดมน ไม่ว่าจะ ข้าว ยางพารา อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ เพราะส่วนหนึ่งขึ้นกับปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจโลกและการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรของเราเอง ด้อยคุณภาพมากขึ้นด้วย

ฉะนั้นทางออก คือ ลดพื้นที่เกษตรกรรมที่ไม่คุ้มทุน สร้างอาชีพใหม่ๆ และทำเกษตรเชิงสร้างมูลค่า นั่นก็คือ การแปรรูป การแปรรูป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนโยบายเป็นกำหนด เท่านั้น แต่การแปรรูปขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่มีในพื้นที่ และ ความสนใจ ความชำนาญของผู้ประกอบการด้วย โดยเฉพาะกลุ่ม เกษตรกรแปรรูป กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายเล็กรายย่อยในท้องถิ่น กลุ่มนี่คือหัวใจของประเทศนี้ คือความหวัง คือทางออก ที่ถูกละเลย ถูกกดทับ จากนโยบายที่ดักดานตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา

วิบากรรมจากอคติทางกฎหมายและความดัดจริตในโครงสร้างอำนาจการปกครองไทย เราต้องกล้ายอมรับความจริงว่า ชนชั้นปกครองและระบบราชการไทย ฝังรากลึกเป็นสังคมที่ตอแหล ลวงโลกมาก มากพอๆ กับความเหี้ยมโหด ในการกระทำต่อคนต่ำกว่า มีความเหยียดในทัศนคติ จึงพยายามทุกอย่างเพื่อที่กำกับ ควบคุม ปิดกั้น และลงมือทำโทษ รุนแรง เพื่อสนองตอบต่ออคติ ผ่านกฎหมายที่เขียนขึ้นมาทับถม อำนาจในมือตัวเอง โดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม ไม่มีโอกาสโต้แย้ง แก้ไข เสนอแนะ และ รู้สึกรู้สาในวิบากรรมวิถีชีวิต นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม ประชาธิปไตยในประเทศนี้ไม่อาจจะพัฒนาได้ และ ทำไมชนชั้นปกครองในประเทศนี้ ไม่ชอบใจ ระบอบประชาธิปไตย!!

กรณี การพยายามขอมีสิทธิ์ “ผลิตเบียร์” และการพยายามแปรรูปผลผลิตการเกษตร เป็น “สุรากลั่นชุมชน” และ “สุราแช่ชุมชน” (สาโท เหล้าอุ ไวน์ ) กำลังถูกบีบอย่างหนัก เพื่อกำจัดออกไปจากเส้นทางผลประโยชน์ ของกลุ่มทุนที่ยึดโยงกับอำนาจรัฐและกลุ่มชนชั้นนำในประเทศนี้ มีกลไกสำคัญ อย่างสถาบันดัดจริต สสส. คอยดาหน้ามาประนามและผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย จน 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการแก้ไขกฎหมายหลายรอบ เพื่อกด หรือ ตัดทอน ให้เล็กให้ลีบให้ตาย!!

ไปดูสถิติ โรงกลั่นสุราชุมชนทีี่เคยมี 80 กว่าโรงทั่วประเทศ เหลือไม่ถึง 30 โรงในปัจจุบัน และอาจจะยุติกิจการ เกือบทั้งหมดในเร็วๆนี้

.

การเขียนนี้ไม่ได้ เขียนเพื่อยืนยันว่า สุรา เป็นสิ่งที่ดี ควรสนับสนุนให้ดื่ม แต่เขียนเพื่อพูดความจริงว่า สุรา นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่มนุษย์ผูกพันและมนุษย์มีสิทธิ เสรีภาพ ที่จะหมัก ที่จะดื่มรื่นเริงผ่อนคลายหลังกรากกรำ เป็นวิถีเป็นวัฒนธรรม เป็นศักดิ์ศรีมนุษย์ การที่รัฐมีหน้าที่จัดเก็บภาษี มาบริหารประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ เข้าใจได้ เพื่อนำมาพัฒนา แต่การที่รัฐจัดเก็บภาษีแล้วมีกฎหมาย คำสั่ง ที่ลิดรอน กำจัด ควบคุม ปิดกั้นเฉพาะรายเล็กรายน้อย ที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่นั้น ไม่ถูกต้อง ลองมาทบ ทวนข้อบังคับกฎหมายที่ผมเรียกว่า อคติทางกฎหมาย ที่กำลังไล่เล่นงานประชาชน ตอนนี้ ดู นะครับ...

- ภาษีอากร ที่จัดเก็บ รายเล็กรายใหญ่ เท่ากัน นั่นคือความไม่เป็นธรรม การผลิตของชุมชน ผู้ประกอบรายย่อย รายเล็กๆ แบรนด์บ้านๆ มีกำลังทำตลาดต่ำ กำลังผลิตต่ำ ความนิยมบริโภคต่ำเพราะไม่มีเครื่องมือในการกระจายสินค้า

แต่กลุ่มเหล่านี้ มีบทบาทมากในการกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน และมีเป้าเน้นแปรรูปผลผลิตการเกษตร คือการพึ่งตนเองในการแก้ไขปัญหา ดังนั้น ในทางกลับกัน รัฐต้องสนับสนุน ในด้านต่างๆ อาทิ ทุน ความรู้ และมาตรการทางภาษี

- เทคนิคการค้า การห้ามโพสต์ผลิตภัณฑ์ ห้ามสาธยายรสชาติ ขออนุญาตใช้ภาษาชาวบ้านนะครับ “กูถามหน่อยเถอะ มึงจะขายของยังไง ?” ห้ามโพสรูปผลิตภัณฑ์ โลโก้ หรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ ในทุกสื่อ แม้กระทั่งเว็บไซต์ของตัวเองก็ผิด

“ควย....!! ช่วยตอบกูหน่อยมึงจะขายของยังไง ?”

ผมพยายามจะนึกถึง มโนภาพของคนเขียนกฎหมายว่า ทำไม ? และคิดอะไร ? ทำใหเกิดการยั่วยุ ทำให้รู้สึกอยาก ทำให้เกิดการดื่มอย่างมโหฬาร หากเป็นข้อห้ามในสื่อมวลชน หรือ Mass Media ใหญ่ๆ ก็พอนึกออกได้ แต่การขายหน้าเพจ หน้าเฟส หน้าเว็บไซต์ตัวเอง มันเป็นช่องทางเดียว เพราะชาวบ้าน ผู้ประกอบการรายย่อย วิสาหกิจชุมชน ไม่มีปัญญาเอาสินค้าไปวางขายตามซุปเปอร์มาเก็ต ตามห้าง ร้านค้า ร้านอาหาร ของเจ้าสัว อยู่แล้ว ดังนั้น การออกกฎหมายแบบนี้ คือ การฆ่าผู้ประกอบการ ครับ ตายไม่มีชิ้นดีเลย

-ห้ามสาธยาย รูปลักษณ์ รส กลิ่น สี เรื่องนี้ก็เหมือนกัน พูดแบบบ้านๆ คือ ควย....!! แล้วกูจะขายของกินยังไง ผมขายไวน์นะครับ เอกลักษณ์ของไวน์ ที่ต้องเอ่ยถึง สี กลิ่น และรสชาติ ทำให้ผู้บริโภคสนใจ แบรนด์บ้านนอก สินค้าเกษตรกร บ้าง นี่กฎหมาย ถึงกับห้าม ว่า ห้ามบอกว่าเป็นไวน์แดง หรือ ไวน์ขาวด้วย

แม่ไอ้เย็ด!! แบรนด์บ้านนอก สินค้าเกษตรกร แค่ผลิตในป่าในดง ก็แย่แล้ว ถ้าไม่เอ่ยคุณสมบัติ แจกแจงรสชาติ เอกลักษณ์ คุณจะให้กูไปขายให้ใคร ที่ไหน ใครจะสน ใครจะซื้อ เขียนกฎหมาย ส้นตีนอะไรมา วะเนี้ยยยย ?

- ของใช้ต่างๆที่มีโลโก้ สินค้าที่มีแอลกอฮอล์ เช่น แก้ว เสื้อ หมวก ถ้าโพสต์ ก็ผิด

- อวดอ้างเรทติ้ง กระแสคนนิยม โชว์คะแนน ต่างๆ ทำยังไงก็แล้วแต่ ถ้ามีผลทำให้ลูกค้าอยากซื้อ ผิด.... ลูกอีดักดาน มึงเขียนกฎหมายอะไรมาเนี้ย ? ขายของได้ แต่ห้ามทำให้คนอยากซื้อ โอ้ยยยย...ลูกช้างเย็ด

- ห้าม ลด แลก แจก แถม ห้ามเห็นโลโก้ หรือผลิตภัณฑ์ ห้ามพูดถึงชื่อยี่ห้อ ห้ามใส่คอนแทคติดต่อสอบถาม ห้ามส่งลิ้งค์ถึงสินค้าที่มี.. นี่ก็ ควย ... !! มันคือสินค้าของกู มันเป็นเทคนิคการขายการตลาด ที่ทำให้สินค้าบ้านนอก มีโอกาสขายได้บ้างการ ราคาทำให้คนอยากอุดหนุน

- เวลาลูกค้ามาถามในคอมเม้นเกี่ยวกับรสชาติ ต้อง ib ตอบเท่านั้น อันนี้ได้...

.

 

-ขายออนไลน์ ต้องขายในเวลาให้ขายตามกฏหมายเท่านั้น แต่ส่งของตอนไหนก็ได้ (ห้ามลงรูปขวด กระป๋องใดๆ ให้ใช้เงารูปขวด เขียนตัวอักษรชื่อสินค้าแทน)

ไอ้สัส!! มึงกินขี้แทนข้าวหรือยังไง ? ชาวบ้าน หรือ ผู้ประกอบการจนๆ บ้านนอก อย่างเราไม่มีซุปเปอร์มาเก็ต วางขาย ไม่มีร้านค้าส่ง ค้าปลีกวางขาย มีโลจิสติก ไม่มีเปรตอะไรเลย ทำก๊อกๆแก๊กๆ อยู่ใต้ถุนบ้าน ขายได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็คิดแต่ว่า ยังดีที่ยังพอมีทางออก

และไม่ได้ นั่งจิ้มหน้าคอม หน้าจอโทรศัพท์ ตลอดเวลา ชาวบ้าน เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยรายน้อย มีอื่นๆต้องทำ จ้างคนมากก็ไม่ได้ ไม่มีเงิน ไม่มีพนักงานขาย

นี่พยายามหาทางออกให้ตัวเอง สร้างตัวตนทางเศรษฐกิจ สร้างตลาด สร้างแบรนด์บ้านนอก ช่องทางมีช่องเดียว คือ โทรศัพท์ ขายทางเฟสทางไลน์ นอกนั้น ก็งานตลาดโอท็อปปีละครั้ง ไปออกร้าน ก็เหมือนไปเป็นไม้ประดับให้นาย ให้ผู้ว่าฯ มาตรวจ มีแค่นี้ แหละ ไอ้ควาย!!

.ผมสงสัยจริงๆ ว่า กรมสรรพสามิต ไปเอา อมุษย์แบบนี้มาจากไหน มาเขียนกฎหมาย คือ มันเกิดมาจากดาวอังคาร ทวารควาย หรือไง หรือว่า ไม่ได้โตในประเทศนี้ ไม่ได้เข้าใจ ห่าเหวอะไรเลย

ถึงว่า ทำไมประเทศนี้ ยิ่งนับวันยิ่งจนดักดาน ด้อยพัฒนา ล่าช้ากว่าคนอื่น บริหารไอ้นั้นก็ขาดทุน อันนี้ก็ล่มจม ประคองไปด้วยการแจกเงินโง่ๆ ให้ประชาชนงั่งๆ

ก่อนจะเขียนกฎหมาย อะไรก็ตาม มองหน้ามองตาประชาชนหน่อย ออกมาจากห้องแอร์ ออกมาดูชาวบ้านชาวช่อง มาดูความเหนื่อย ความยาก ความสิ้นหวังประชาชนหน่อย และอย่าเสือกเอาอคติ ความเกลียด ความชัง ความเชื่อส่วนตัวมาไว้ในกฎหมาย เพราะมันทำร้ายสังคม ทำร้ายชีวิต ทำร้ายสิทธิเสรีภาพ ทำร้ายหัวใจเจ้าหน้าที่ดีๆ ทำร้ายความเป็นนิติรัฐ ซึ่งรัฐในระบอบประชาธิปไตย กฎหมายต้องมาจากประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน!

ทำร้ายความหวัง พลังชีวิตผู้คนให้ย่อยยับ.....

...

 

 

 

ขออภัย เพื่อนพี่น้อง สองสามวันนี้ ผมสติแตกจริงๆ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ไม่เคยเจอ ข้อกฎหมายที่เขียนขึ้นมาได้ทุเรศทุรัง ขนาดนี้....มันทำให้รัฐ ที่ผมศรัทธาและคาดหวัง ดูโง่เขลา ดักดานและไร้สติปัญญาไร้เหตุผลมาก !!

............
จาก เกษรกรขบถแห่งไร่ทวนลม

Recent posts