1849
28 เมษายน 2563 เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ซึ่งประกอบไปด้วย กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จ.เลย กลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได จ.หนองบัวลำภู กลุ่มอนุรักษ์น้ำซับคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร กลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดบำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ และกลุ่มรักษ์บ้านแหง จ.ลำปาง ร่วมกันออกแถลงการณ์ “ล็อคดาวน์เหมืองแร่ หยุดฉวยโอกาสให้สัมปทานเหมือง” และเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ในแต่ละพื้นที่ทำการอ่านแถลงการณ์แบบเว้นระยะห่างระหว่างกัน (Social distancing) เพื่อป้องกันการแพร่โรคไวรัสโควิด-19 พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
1.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องหยุดกระบวนการพิจารณาด้านต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การออกใบอนุญาตให้กับโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ทุกประเภทเอาไว้ก่อน จนกว่าจะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้อย่างเป็นปกติ
2.กรณีที่ผู้ประกอบการทำเหมืองแร่ที่ได้รับการอนุมัติ/อนุญาตให้สำรวจและทำเหมืองแร่ไปแล้วนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน เพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อประชาชนในพื้นที่ต่อการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 จากการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมชนของผู้ประกอบการ
3.กรณีที่ผู้ประกอบการมีความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่จากการสำรวจและทำเหมืองแร่ รวมทั้งมีการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกด้วย
โดยนายนงค์ชัย พันธ์ดา ตัวแทนกลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาส จ.สกลนคร กล่าวว่า “สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 เป็นที่พูดถึงกันทั่วโลก รัฐบาลไทยก็ได้แก้ไขปัญหาด้วยการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเคอร์ฟิว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้น กระทบกับชาวบ้าน ทำให้ไม่สามารถพบปะหรือประชุมเพื่อพูดคุยปรึกษาหารือกันได้ ที่ทำได้ในตอนนี้คือการพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น ตอนนี้พวกเรากังวลใจเรื่องที่บริษัท ไชน่า หมิงต๋า โปแตช คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยื่นขออาชญาบัตรพิเศษใหม่อีกครั้ง เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 เพื่อที่จะทำการเจาะสำรวจแร่โปแตช เพราะอาชญาบัตรพิเศษเดิมหมดอายุเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มรักษ์อำเภอวานรนิวาสก็ได้ไปยื่นหนังสือคัดค้านการขออาชญาพิเศษของบริษัทดังกล่าวกับอุตสาหกรรมจังหวัดสกลนครแล้ว ประเด็นสำคัญก็ คือ เนื่องจากปัจจุบันมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ทำหน้าที่ควบคุมเราไว้ทำให้ไม่สามารถออกมาเคลื่อนไหวอะไรได้เลย ซึ่งเปรียบเสมือนการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของชาวบ้าน ในเมื่อชาวบ้านไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวหรือใช้สิทธิตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ พวกเราจึงออกมาการแถลงการณ์ขอหน่วยการที่เกี่ยวข้องหรือภาครัฐที่มีอำนาจในการอนุมัติ/อนุญาตอาชญาบัตรพิเศษต้องหยุดกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การอนุมัติ/อนุญาตไว้ก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อชาวบ้าน”
นางงามทอง มงคล ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับน้ำคำป่าหลาย จ.มุกดาหาร กล่าวว่า “ผลกระทบจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้เกิดปัญหาผลกระทบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกระทบต่อการทำมาหากินของชาวบ้านที่ต้องหาเช้ากินค่ำหรือชาวบ้านอย่างเราที่ประกอบอาชีพทางการเกษตร ที่ปัจจุบันราคาพืชผลทางเกษตรอย่างมันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา ยังคงตกต่ำ ราคาสิ่งของที่ต้องใช้ในการดำรงชีพในแต่ละวันก็แพงขึ้น และหนี้สินก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย และที่สำคัญการเดินทางไปไหนมาไหนในตอนนี้ก็ลำบากมาก อย่างพวกเราชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์น้ำซับน้ำคำป่าหลายที่ติดตามและคัดค้านการขอประทานบัตรทำเหมืองหินทราย ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงหมู แปลง 2 เพราะหากในอนาคตเกิดเหมืองแร่ในพื้นที่ เรากังวลว่าแหล่งต้นน้ำที่เราใช้อาจขาดแคลนและอาจหายไป เนื่องจากพื้นที่ทำเหมืองอยู่บริเวณใกล้กับแหล่งต้นน้ำ ปัจจุบันพวกเราไม่สามารถเดินทางไปเรียกร้องหรือไปยื่นหนังสือกับหน่วยงานต่าง ๆ ได้ เพราะต้องปฏิบัติตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ซึ่งขณะที่เราหยุดอยู่บ้าน ถือปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาล เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้องและบริษัทฯ ที่ยื่นขอประทานบัตรเหมืองแร่ยังคงดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ตามปกติ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมชาวบ้านที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต้องหยุดกระบวนการขั้นตอนต่าง ๆ ที่จะอนุมัติ/อนุญาตให้ประทานบัตรก่อน จนกว่าจะยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ควรฉวยโอกาสอนุมัติ/อนุญาตให้ประทานบัตรในช่วงที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ดังนั้นเราหยุดเหมืองก็ต้องหยุด”
นางบัวลอง นาทา ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์ป่าชุมชนเขาเหล่าใหญ่-ผาจันได กล่าวว่า “เราพยายามปกป้องรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาตลอด แต่เหมืองแร่และโรงโม่หินมาทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชนลงทุกวัน มันไม่ถูกต้อง ยิ่งช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งมีการระเบิดหนักขึ้น ขนส่งแร่หินข้ามจังหวัดไปมาทุกวัน ชาวบ้านเดือดร้อนมาก ๆ และถ้ำศรีธน ถ้ำผาน้ำลอด ที่เป็นแหล่งโบราณคดีของชุมชนก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากแรงระเบิดเหมืองหินปูน แต่ชาวบ้านกลับไปสามารถออกไปต่อต้านได้ เพราะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเสี่ยงติดไวรัสด้วย เราคัดค้านเหมืองแร่หินปูนและโรงโม่หินมาตลอด 26 ปีแล้ว อยากให้หยุดได้แล้ว ยกเลิกเหมืองแร่หินปูนออกไปจากชุมชน ออกไปจากพื้นที่ป่าไม้ของชุมชนได้แล้ว”
นางวิรอน รุจิไชยวัฒน์ ตัวแทนกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด 6 หมู่บ้าน จ.เลย กล่าวว่า “ชุมชนของเรามีสารพิษจากเหมืองที่ปนเปื้อนตามไร่นาของชาวบ้านที่อยู่บริเวณรอบเหมืองทองคำ ชาวบ้านมีรายได้น้อยลง ยางพาราก็ราคาตกต่ำลงมาก เพราะการล็อคดาวน์ทำให้ไม่มีตลาดนัดขาย ไปขายล็อตเตอรี่ก็ไปไม่ได้ บางคนล็อตเตอรี่ยังเหลือ ก็ไม่รู้จะได้ไปขายตอนไหน ตอนนี้ก็ไม่มีรายได้ รายจ่ายก็เยอะขึ้นชาวบ้านอาจจะหันมาเก็บพืชผัก กุ้ง หอย ปู ปลา ตามนาที่ปนเปื้อนกินก็ได้ ดังนั้นเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อพวกเรา โครงการเหมืองแร่ต่าง ๆ ก็ต้องล็อคดาวน์เหมือนกัน”
ทั้งนี้นางสาววนิดา กันทา ตัวแทนกลุ่มรักษ์บ้านแหง จ.ลำปาง ได้กล่าวเพิ่มอีกว่า “การที่พวกเราออกมาเรียกร้องให้ล็อคดาวน์เมืองแร่ เพราะไม่อยากให้เหมืองแร่เกิดขึ้นในบ้านเรา และในทุก ๆ ที่ เพราะถ้ามันเกิดเราก็ย้ายหนีไม่ได้ เพราะที่นี่คือบ้านเกิด และที่สำคัญเรากลัวว่าจะเกิดผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นสารพิษสารเคมีจะเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งตอนนี้บ้านแหงชนะคดีปกครองก็จริงแต่เราก็ยังไม่ชนะขาด เขาอาจจะฉวยโอกาสช่วงนี้ออกประทานบัตรก็ได้ ดังนั้นอยากเผยแพร่ประเด็นปัญหาที่เกิดให้คนอื่นได้รับรู้ ในเมื่อไม่สามารถออกมาชุมนุม หรือรวมตัวกันได้ ก็คิดว่าการแอคชั่นทำกิจกรรมในครั้งนี้ จะสามารถสื่อสารให้คนรู้และให้กำลังใจคนที่ได้รับผลกระทบเหมือนกันกับเรา”
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""
แถลงการณ์
ล็อคดาวน์เหมืองแร่ หยุดฉวยโอกาสให้สัมปทานเหมือง
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับสภาวะวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ที่มียอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังผู้ที่ต้องกักตัวเฝ้าสังเกตอาการอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งวิกฤตการณ์ ในครั้งนี้ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ยังส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้ย่ำแย่ลงทุกวัน ถึงแม้นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วราชอาณาจักรตามพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ แต่การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยที่ไม่มีแผนรองรับที่ดียิ่งเป็นการซ้ำเติมประชาชนให้เดือดร้อนทุกข์ยากแสนสาหัสมากขึ้น ซึ่งเป็นการขยายปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจให้กว้างขึ้น โดยจะเห็นได้ว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยิ่งนานก็ยิ่งส่งผลให้ประชาชนสูญเสียรายได้ ไร้อาชีพ สร้างความเหลื่อมล้ำ มีคนตกงานหลายล้านคน ประชาชนคนเล็กคนน้อยต้องเข้าแถวรอรับบริจาคอาหารและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ในแต่ละวัน นอกจากนี้เงินเยียวยาจากรัฐบาลกลับมีประชาชนเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้รับการเยียวยาอย่าง ถ้วนหน้า และหลายคนไม่มีทางออกจึงเลือกฆ่าตัวตาย ซึ่งมากถึง ๓๘ ราย หรือครึ่งหนึ่งของการตายจากเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ โดยภายใต้การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งมีข้อกำหนดข้อหนึ่งในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจน โดยการห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มีนาคม – ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ ในประเทศไทย และมีแนวโน้มว่า นายกรัฐมนตรี จะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก ๑ เดือน นั้น
พวกเราประชาชนในนาม “เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่” ซึ่งเป็นประชาชนของประเทศ เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนและผู้ได้รับผลกระทบจากการสำรวจและการทำเหมืองแร่โดยตรงในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งได้ดำเนินการในการเฝ้าจับตา ติดตาม และตรวจสอบการดำเนินนโยบายด้านการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ของภาครัฐและภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดตลอดมา เห็นว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการจำกัดสิทธิและเสรีภาพในการออกมาใช้สิทธิปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน และเป็นการจำกัดการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อวิถีชีวิต ชุมชน และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่สามารถออกมาใช้สิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกต่อโครงการพัฒนาต่าง ๆ ในการสำรวจและการทำเหมืองแร่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้องดังเช่นสถานการณ์ปกติได้ แต่ในขณะเดียวกันนั้นกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นเป็นปกติ ซึ่งกระบวนการพิจารณาอนุมัติ/อนุญาตโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เป็นการจำกัดการเข้าถึงของประชาชนในพื้นที่ ยิ่งทำให้ประชาชนขาดการมีส่วนร่วม และเป็นการละเลยต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนและชุมชน ซึ่งเป็นสิทธิตามธรรมชาติโดยชอบธรรมนั้น
ดังนั้น เพื่อให้เกิดการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม พวกเราในนาม “เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่” จึงขอเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังต่อไปนี้
๑.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องหยุดกระบวนการพิจารณาด้านต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่การออกใบอนุญาตให้กับโครงการสำรวจและการทำเหมืองแร่ทุกประเภทเอาไว้ก่อน จนกว่าจะยกเลิกการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพได้อย่างเป็นปกติ
๒.กรณีที่ผู้ประกอบการทำเหมืองแร่ที่ได้รับการอนุมัติ/อนุญาตให้สำรวจและทำเหมืองแร่ไปแล้วนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีคำสั่งให้หยุดการดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน เพื่อปฏิบัติตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม และไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อประชาชนในพื้นที่ต่อการติดเชื้อไวรัส โควิด-๑๙ จากการเดินทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมชนของผู้ประกอบการ
๓.กรณีที่ผู้ประกอบการมีความขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่จากการสำรวจและทำเหมืองแร่ รวมทั้งมีการร้องเรียนเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสั่งให้ผู้ประกอบการหยุดดำเนินการสำรวจและการทำเหมืองแร่ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชนที่มีความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ และต้องต่อสู้ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของชุมชน ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกจำกัดสิทธิและเสรีภาพจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีกด้วย
ด้วยความเคารพ
เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓
รายชื่อเครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่แนบท้าย
จ.หนองบัวลำภู
ติดต่อประสานงาน - Contact
Tel : 099-014-3797
ทศพร แกล้วการไร่ : ผู้ดูแลเว็บ - Webmaster
Tel : 080-078-4016
อัฎธิชัย ศิริเทศ : บรรณาธิการ - Editor
Tel : 082-178-3849
Email : webmaster@thaingo.org
Office Hours : Mon-Fri , 9.00-17.00
2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
2044/23 New Phetchaburi Road, Bangkapi, Huai Khwang, Bankok 10310
+662 314 4112