4 March 2020
2394
จากกรณีที่บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ปิโตรเลียม กรุ๊ป จำกัด บริษัทสัญชาติจีน ได้เข้ามาขุดเจาะสำรวจแร่โปแตช ในพื้นที่หลายอำเภอของจังหวัดนครราชสีมาตั้งแต่ปี 2558 พื้นที่ 130,000 ไร่ และในขณะนี้ได้มีแผนที่จะยื่นขอประทานบัตรทั้งหมด 4 แปลง โดยแบ่งพื้นที่เป็น 2 โครงการ คือ โครงการแรกอยู่ในพื้นที่ประสงค์ขอประทานบัตรแปลงที่ 1 และ 2 ตำบลเมืองปราสาทและลำคอหงษ์ อำเภอโนนสูง และโครงการที่สองอยู่ในพื้นที่ประสงค์ขอประทานบัตรแปลงที่ 3 และ 4 ตำบลจันอัด อำเภอโนนสูง ตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมือง และตำบลด่านจาก อำเภอโนนไทย
ซึ่งทาง ‘กลุ่มรักษ์ลำคอหงษ์’ เป็นชาวบ้านในพื้นที่ประสงค์ขอประทานบัตรแปลงที่ 1 และ 2 ได้ทราบถึงการมีอยู่ของโครงการที่สองก็เนื่องมาจากการทำหนังสือขอข้อมูลไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา โดยที่ทางบริษัทฯไม่เคยแจ้งให้ทราบมาก่อนเลยว่ามีอีกหนึ่งโครงการที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน แต่กลับมีหนังสือแจ้งกำหนดวันจัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียเพื่อทำเหมืองแร่ใต้ดิน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา 09.30 น. ณ โรงแรมดิอิมพีเรียล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ในวันและเวลาเดียวกัน
การจัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียที่ควบรวมทั้งสองโครงการนั้นเป็นการจัดการประชุมที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 และไม่เป็นไปตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่ออกตามความพระราชบัญญัติแร่ดังกล่าว เรื่อง การจัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียของผู้ประสงค์จะขอประทานบัตรเหมืองใต้ดิน พ.ศ. 2561 เนื่องจากพื้นที่คำขอประทานบัตรของบริษัทดังกล่าวถูกแบ่งย่อยเป็นสองโครงการอย่างชัดเจน เมื่อโครงการแรกอยู่ในพื้นที่ประสงค์ขอประทานบัตรแปลงที่ 1 และ 2 ส่วนโครงการที่ 2 อยู่ในพื้นที่ประสงค์ขอประทานบัตรแปลงที่ 3 และ 4 โดยไม่มีเขตพื้นที่ประทานบัตรที่ติดต่อกันของทั้งสองโครงการ จึงไม่อาจถือเป็นเขตเหมืองแร่เดียวกันได้ ตามมาตรา 60 ของพระราชบัญญัติแร่
เมื่อการจัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นฯต้องอยู่ภายใต้กรอบของพระราชบัญญัติแร่ย่อมทำให้การจัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นฯ การคัดเลือกตัวแทนผู้มีส่วนได้เสีย และการนับองค์ประชุมนั้นต้องแยกเป็นรายโครงการ และเนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ที่ประสงค์จะขอประทานบัตร 1 และ 2 ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียของพื้นที่ที่ประสงค์จะขอประทานบัตร 3 และ 4 และในทำนองเดียวกัน ผู้มีส่วนได้เสียของพื้นที่ที่ประสงค์จะขอประทานบัตร 3 และ 4 ก็ไม่ได้เป็นผู้มีส่วนได้เสียของพื้นที่ที่ประสงค์จะขอประทานบัตร 1 และ 2 เช่นกัน การจัดประชุมพร้อมกันทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่าเป็นกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียคนละกลุ่มกันนั้นอาจทำให้เกิดการก้าวล่วงต่อการตัดสินใจของกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียในอีกโครงการหนึ่งได้
ถึงแม้ว่ากฎหมายจะบอกเช่นนั้น แต่คณะกรรมการจัดการประชุมปรึกษาเบื้องต้นที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานโดยตำแหน่ง และมีผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกฎหมายด้านเหมืองแร่ อย่างตัวแทนกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และอุตสาหกรรมจังหวัด นั่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการชุดนี้ด้วย จึงไม่อาจปฏิเสธว่าไม่ทราบข้อกฎหมายดังกล่าวได้ แต่พฤติการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจปล่อยปละละเลยให้เกิดการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
การคัดค้าน การลงพื้นที่ให้ข้อมูลเรื่องผลกระทบอย่างต่อเนื่อง และการรวบรวมรายชื่อของผู้คัดค้านเหมืองแร่ โปแตชของกลุ่มรักษ์ลำคอหงษ์ซึ่งมีผู้ร่วมลงชื่อจำนวนมาก อาจทำให้เกิดความกังวลใจของบริษัทฯและหน่วยงานรัฐที่ประสงค์ให้เกิดเหมืองแร่โปแตชเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด หากยอมให้จัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียของโครงการที่ 1 เพียงโครงการเดียว ผู้เข้าร่วมอาจจะทำการคัดค้านโดยไม่เข้าร่วมประชุมเพื่อทำให้องค์ประชุมไม่ครบ จนทำให้ขั้นตอนสะดุดหยุดลงจนไม่สามารถดำเนินการขอประทานบัตรต่อไปได้ จึงทำให้การจัดประชุมปรึกษาเบื้องต้นกับผู้มีส่วนได้เสียที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ได้มีการเชิญผู้มีส่วนได้เสียพร้อมกันทั้งสองโครงการรวมเข้าด้วยกัน เพื่อให้องค์ประชุมมีจำนวนมากขึ้น และหวังให้จำนวนผู้มีส่วนได้เสียของโครงการที่ 2 มากลบเสียงของผู้ที่จะมาคัดค้านในโครงการที่ 1 และทำให้องค์ประชุมดังกล่าวเกินกว่ากึ่งหนึ่งตามกฎหมาย ไม่ว่าตัวแทนผู้มีส่วนได้เสียในโครงการที่ 1 จะครบหรือไม่ครบองค์ประชุมก็ตาม เพราะมั่นใจว่าจะไม่มีใครตรวจสอบหรือไม่คิดว่าจะมีใครจับได้ไล่ทันในประเด็นนี้
พฤติกรรมของหน่วยงานรัฐในครั้งนี้จึงเผยให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายอมทำทุกอย่างแม้แต่การกระทำผิดกฎหมาย และเชื่อได้ว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้กระบวนการขอประทานบัตรทำเหมืองแร่โปแตชดำเนินต่อไปได้โดยไม่สนใจรับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่แม้แต่น้อย