15 August 2018
1949
ขอบคุณ ภาพข่าวจาก ประชาไท https://prachatai.com/journal/2018/07/78008
....
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บินชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
กรรมการสภาประชาสังคมชายแดนใต้
Shukur2003@yahoo.co.uk
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาปรานีเสมอ มวลการสรรเสริญมอบแด่อัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งสากลโลก ขอความสันติสุขแด่ศาสนทูตมุฮัมมัด และผู้เจริญรอยตามท่าน
หลังจาก'แชมป์ พีรพล' พิธีกรรายการกีฬารายงานถึงประธานาธิบดีตุรกี ที่มีข้อวิจารณ์จากทั่วโลกว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชน และอีกหลายๆ ประเด็น สร้างความไม่พอใจต่อชาวมุสลิม ทำให้ ผู้บริหารช่อง 3 ถึงใช้ยาแรงพักงานไม่มีกำหนด พร้อมนำตัวแชมป์ไปขอโทษกับทูตตุรกี (โปรดดูรายละเอียด รวมถึงการพูดของแชมป์ https://prachatai.com/journal/2018/07/78008 และคลิปรายการที่ถูกลบไปแล้ว https://www.youtube.com/watch?v=2IRr_uarG_0)
หลังจากนั้นมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเซียลมากมายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยซึ่งธรรมดาในโลกโซเซียลประชาธิปไตย และผู้เขียนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่จะนำบทเรียนนี้มาถกเถียงในเชิงวิชาการ
ใบตองแห้ง เขียนเฟสส่วนตัวไว้อย่างน่าสนใจมองปรากฎการณ์ครั้งนี้ว่า "เสรีภาพทางศาสนากลายเป็นสิทธิพิเศษของคนมีศาสนาเท่านั้น ใช้ข้ออ้างเรื่องศาสนาปิดปาก ปิดการวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น"
ในเนื้อหาท่านอธิบายว่า ประธานาธิบดีเออโดแกนนี่ไปเป็นผู้นำมุสลิม เป็นตัวแทนมุสลิมไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องที่วิจารณ์เป็นเรื่องการเมืองแท้ๆ ทำไมมุสลิมต้องโกรธกัน แต่ไหนๆถ้าโกรธกันขนาดนี้ มาดูเสรีภาพทางศาสนา (Freedom of Religion) กันหน่อย
ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านเสรีภาพทางศาสนาหลายคน (Ashma Jahangir และ Heiner Bielefeldt เป็นอาทิ) ชี้ว่า ปัจจุบัน ศาสนิกหลายคน ผู้นำทางศาสนาหลายท่าน พยายามทำให้เสรีภาพทางศาสนากลายเป็นสิทธิพิเศษของคนมีศาสนาเท่านั้น ใช้ข้ออ้างเรื่องศาสนาปิดปาก ปิดการวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่น
ทั้งที่จริงแล้ว หนึ่ง เสรีภาพทางศาสนาเป็นเสรีภาพของมนุษย์ทุกคน ที่จะเป็นอิสระในการค้นหาความเชื่อที่เหมาะสมกับตนเอง ค้นหาหนทางที่เหมาะสมจะพัฒนาจิตวิญญาณของตน ดังนั้น จึงเป็นเสรีภาพของศาสนิกศาสนาเก่าแก่ ศาสนาใหม่ รวมถึงของคนไม่มีศาสนาด้วย เสรีภาพนี้ต้องถูกนำไปใช้เพื่อปลดปล่อยมนุษย์ให้เป็นอิสระ ไม่ใช่เป็นทาสยิ่งไปกว่าเดิม
สอง เสรีภาพทางศาสนาเป็นเสรีภาพที่จะปฏิบัติตามความเชื่อ ไม่ใช่เสรีภาพในการปกป้องตัวจากคำวิจารณ์ เสรีภาพทางศาสนาต้องไม่ไปขัดขวาง กดดันเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตรงนี้ แสดงให้เห็นความขัดแย้งที่แนวคิดเรื่องเสรีภาพทางศาสนาต้องประสานให้ได้ เพราะคำว่าเสรีภาพนั้นมีความเป็นเปิด เป็นบวก แต่ศาสนานั้น มีความหมายในแนวลบ ขัดแย้งกับเสรีภาพอยู่แล้ว
คำวิจารณ์ควรถูกตอบกลับด้วยข้อมูล ด้วยการถกเถียง ไม่ใช่ด้วยฝูงชนที่อ้างความอ่อนไหวเปราะบางทางศาสนามาปิดปาก เหมือนที่มิตรสหายท่านหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่า บางทีในเรื่องเกี่ยวกับอะไรทำนองนี้ก็มี "ประเด็นอ่อนไหว" เยอะจนคนที่ต้องพูดถึงหรือเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอ่อนใจ
สำหรับผู้เขียนมองต่างมุมดังนี้
1.การเรียกร้องของมุสลิมให้แชมป์รับผิดชอบ(ผ่านสายัณห์ สุขจันทร์ หน.ฝ่ายกฎหมายมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ) ในคำพูดที่มุสลิมมองว่าแชมป์พีรพล กล่าวหาเกินจริง ไม่รอบด้าน ทั้งๆที่ท่านเป็นผู้นำผ่านการเลือกตั้ง การเสนอกฎหมายก็ผ่านกระบวนการประชาธิปไตย หากแชมป์มองว่าสิ่งที่ตัวเองนำเสนอถูกต้อง ทีวีชิอง 3 มองว่าคนของตนเองถูกต้อง ท่านมีสิทธิอย่างเสรีเต็มที่ในการแก้ข้อกล่าวหาแต่ถ้าผิด พลาดก็ต้องแสดงความรับผิดชอบ(โปรดดูการนำเสนอรายการของแชมป์ด้วยวิจารณญานของท่านทั้งคำพูด การใช้เสียง การแสดงท่าทางประกอบได้ในhttps://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_1380171)
ในหลักการอิสลาม มุสลิมทุกคนมีสิทธิผิด มีสิทธิพลาด ในขณะเดียวกันมุสลิมทุกคนมีหน้าที่จะต้องกล้าผดุงความถูกต้องต่อหน้าผู้นำที่อธรรม
สิ่งที่ใบตองแห้งพูดครั้งแรกในเฟสท่านถูกต้องว่าในกรณีของแชมป์ พิธีกรช่อง 3 ปัญหาคือเขาผลีผลาม
พูดไม่รัดกุม (อ้างข้อมูลวิกิ) ใส่ความรู้สึก ใช้ลีลาพูดเอามัน พูดง่ายๆ คือผิดหลักวิชาสื่อ ในแง่วิธีนำเสนอ ถ้าเรียงลำดับให้ดีอย่างเว็บวิเคราะห์บอลจริงจัง จะทำให้คนรับได้มากกว่า ไม่จำเป็นต้องไปพูดเรื่องพังสวนสัตว์ สร้างวังขาว อะไรนั่น
เราก็ยืนยันในหลักการอิสลามซึ่งสอดคล้องกับใบตองแห้งว่า การประณามเออร์โดกันเป็นเผด็จการ กระทำได้แต่ต้องนำเสนออย่างมีอารยะ เป็นวิชาการ
หลังแชมป์และช่องสามออกมารับผิดชอบกลับเห็นอีกฝั่งมองว่ามุสลิม (ปัญญาชนมุสลิม)โจมตีว่าขาดวุฒิ
ผู้นำมุสลิมแตะไม่ได้บ้าง ลามปามถึงกล่าวหาว่าใช้ศาสนาอิสลามกดทับศาสนิกอื่นบ้าง จึงทำให้ผู้เขียนมองว่าต่อไปนี้จะเกิดภาวะสงครามทางความคิดเพิ่มขึ้นระหว่างค่ายอิสลามนิยมกับเสรีนิยม แต่ขอให้สงครามความคิดนี้เป็นไปอย่างมีอารยะ
ท้ายนี้ผมขอนำทัศนะ ดร.วุฒิศักดิ์ พิศสุวรรณน้องบังหลีมดร.สุรินทร์ เขียนทัศนะผ่านเฟสว่า
"ถ้าทุกเรื่องต้องเอากันให้ตายไปข้าง
แทนที่จะทำให้เกิดความเข้าใจและเกิดจิตสำนึกว่าอะไรควรอะไรไม่ควร
กาลกลับก่อให้เกิดความเกลียดชังระหว่างกัน
สนุกหรือกับการอยู่ในโลกแห่งความเกลียดชัง ไม่รู้จักการให้อภัย
นิดๆ หน่อยๆ ก็จะเป็นจะตาย
อย่าทำตัวเป็นคนแบกฟืนที่คอยสุมไฟแห่งความหวาดกลัวและเกลียดชังเลยครับ
เรามีปมอะไรหรือ?
ถึงได้เปราะบางและอ่อนไหวขนาดนี้"
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1768574503231927&id=1282973728458676
https://m.facebook.com/groups/1772459922965938?view=permalink&id=2196966673848592
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10156150597058612&id=713603611