ThaiNGO team support only thaingo.org and thaingo.in.th.

เว็บไซต์ที่ทีมงาน thaingo ดูแลคือ thaingo.org และ thaingo.in.th เท่านั้น

Back

แอมเนสตี้เปิดรายงานล่าสุดชี้การโจมตีชาวโรฮิงญาของกองทัพเมียนมาเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

แอมเนสตี้เปิดรายงานล่าสุดชี้การโจมตีชาวโรฮิงญาของกองทัพเมียนมาเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

2 August 2018

1656

ขอบคุณภาพจาก แอมเนสตี้ : https://www.amnesty.or.th/latest/blog/32/

"""""""""

แอมเนสตี้เปิดรายงานล่าสุดชี้การโจมตีชาวโรฮิงญาของกองทัพเมียนมาเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดรายงานล่าสุดพบนายทหารระดับสูงของกองทัพเมียนมาเข้าข่ายอาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากการโจมตีชาวโรฮิงญา

 

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างกว้างขวางและน่าเชื่อถือ เพื่อเอาผิดกับพลเอกอาวุโสมินอ่องลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพเมียนมา และบุคคลอีก 12 คนในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ระหว่างการล้างเผ่าพันธุ์ประชากรชาวโรฮิงญาในตอนเหนือของรัฐยะไข่

 

รายงานนี้มีชื่อว่า “เราจะทำลายทุกอย่าง”: ความรับผิดชอบของกองทัพต่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติในรัฐยะไข่ เมียนมา (We Will Destroy Everything”: Military Responsibility for Crime Against Humanity in Rakhine State, Myanmar) เรียกร้องให้มีการยื่นกรณีที่เกิดขึ้นในเมียนมา ไปยังศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อการสอบสวนและดำเนินคดี

 

แมทธิว เวลส์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านวิกฤตแห่งแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ทั้งการสังหารบุคคล การข่มขืนกระทำชำเรา การทรมาน การเผาและบังคับให้ต้องอดอาหาร ที่เป็นการกระทำของกองกำลังความมั่นคงของเมียนมาในหมู่บ้านต่างๆ ตลอดทั่วตอนเหนือของรัฐยะไข่ ไม่ได้เป็นแค่การกระทำของทหารหรือหน่วยทหารที่ประพฤติมิชอบเพียงบางส่วน หากมีพยานหลักฐานจำนวนมากที่ยืนยันว่าการกระทำเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่วางไว้อย่างเป็นระบบ เพื่อโจมตีทำร้ายประชากรชาวโรฮิงญา

 

 “คนที่มือเปื้อนเลือดทุกลำดับชั้นของสายการบังคับบัญชา จนถึงพลเอกอาวุโสมินอ่องลาย ต้องรับผิดชอบจากบทบาทของตน ในการบังคับบัญชาและมีส่วนก่อให้เกิดอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรงอื่น ๆ ตามกฎหมายระหว่างประเทศ”

ในรายงานฉบับนี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลยังระบุชื่อเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาเก้านายของผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองทัพเมียนมา และชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพิทักษ์ชายแดนสามนาย ซึ่งมีบทบาทในปฏิบัติการล้างเผ่าพันธุ์ครั้งนี้

 

ผลจากการวิจัยอย่างเข้มข้นเป็นเวลาเก้าเดือน ทั้งในเมียนมาและบังคลาเทศ รายงานของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลฉบับนี้ นับเป็นเอกสารที่มีเนื้อหาครอบคลุมมากสุด ให้รายละเอียดว่ากองทัพเมียนมาได้ใช้กำลังบังคับผู้หญิง ผู้ชาย และเด็กกว่า 702,000 คน หรือกว่า 80% ของประชากรชาวโรฮิงญาในตอนเหนือของรัฐยะไข่ ให้ต้องหลบหนีไปยังบังคลาเทศนับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2560 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตครั้งนี้

 

รายงานฉบับนี้ยังให้ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับโครงสร้างการบังคับบัญชา และการตรึงกำลังพลของกองทัพเมียนมา รวมทั้งการจับกุม การบังคับบุคคลให้สูญหาย และการทรมานผู้ชายและเด็กผู้ชายชาวโรฮิงญาเป็นเวลาหลายสัปดาห์โดยกองกำลังความมั่นคง ซึ่งเกิดขึ้นหลายสัปดาห์ก่อนวิกฤตครั้งนี้จะเริ่มต้นขึ้น

///

**********

เนาวรัตน์ เสือสอาด

ผู้ประสานงานฝ่ายสื่อสารองค์กร

Naowarat Suesa-ard

Media and Communication Coordinator

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย

139/21 ซอยลาดพร้าว 5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

มือถือ 089-922-9585

Recent posts