ขอบคุณภาพ จาก : https://prachatai.org/journal/2018/03/75752
มรสุมการเมืองที่พัดกระหน่ำรัฐบาลทหาร และ คสช. รุนแรง และอันตรายมากๆ ในระยะหลังๆ ตั้งแต่พายุเศรษฐกิจ พายุการบริหารงบประมาณแผ่นดิน การอนุมัติอภิมหาโครงการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ทั้งโครงการ 9101 โครงการธงฟ้าประชารัฐ โครงการแจกเงินคนจน มาจนถึงโครงการไทยนิยม หนำมิซ้ำ ยังเจอพายุน้องชาย หลานชาย นายกฯ เปิดบริษัททำมาหากินในค่ายทหาร เจอพายุนาฬิการองนายกฯ เจอพายุเสือดำ และล่าสุดเจอ พายุคอรัปชั่นคนจน!!
สถาการณ์แบบนี้ เป็นสถานการณ์ที่ต้องรับมืออย่างชาญฉลาด รู้เย็นรู้ร้อน ผ่อนปรน ขึงขัง และเฉียบขาดเป็น โดยเฉพาะสถานการณ์ทางสังคม ที่ซึ่งประชาชนคนไทยเกือบทั้งประเทศกำลังรู้สึกร่วมกันอยู่ 2-3 เรื่อง คือ 1 เต็มกลืนกับภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองทางเศรษฐกิจและภาพประจักษ์ชัดว่ารัฐบาลไร้ฝีมือในการบริหารประเทศ 2 เต็มกลืนกับบรรยากาศบ้านเมืองที่ไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพจึงอยากเลือกตั้งทันที และ 3 เต็มกลืน กับท่าทีต่อปัญหาในการสไตล์การทำงานแบบทหาร “ไม่ฆ่าน้อง ไม่ฟ้องนาย ไม่ขายเพื่อน” ที่ซึ่งกำลังเป็นระเบิดเวลา เพราะเผชิญปัญหาที่ตนเองประกาศกร้าวตั้งแต่ยึดอำนาจว่าจะเข้ามาแก้ไขแต่กลับพบว่าคนของกองทัพเอง หรือแม้แต่ในข้าราชการใยนอำนาจตัวเอง ทั้งนั้นที่กำลังพัวพันกับปัญหาคอรัปชั่น และรัฐบาลก็เลือกที่จะปกป้องคนของรัฐบาลมากกว่าจะสนใจความรู้สึกของประชาชน
ธรรมชาติของนักการเมืองหากอยู่ในระบอบประชาธิปไตย กระแสของสังคม หรือมติของสาธารณะคือเครื่องมือสำคัญของการบริหารบ้านเมือง ความพึงพอใจของประชาชนสำคัญที่สุดโดยเฉพาะเรื่องปากท้อง “กินอิ่มนอนอุ่น” เป็นเป้าหมายพื้นฐานของนักการเมืองที่จะเข้ามาบริหารบ้านเมือง นอกจากนั้นการเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมมีเสรีภาพ มีความเสมอภาคเท่าเทียมจึงสำคัญตามมา
กลับมาพิจารณาบทบาทและผลงานของรัฐบาลตลอดระยะเวลา 4 ปี กว่าๆ ทั้งเรื่องปฏิรูปประเทศ การดำเนินนโยบายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงการแก่ปัญหาคาราคาซัง ทั้งเรื่องคอรัปชั่น การเลือกตั้ง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค ล้วนแล้วแต่ไม่สำเร็จเด็ดขาด กลับกัน ภาพที่ปรากฎออกมาสู่สาธารณะคือกลับสะท้อนให้เห็นการอุ้มชูกลุ่มพรรคพวกของตนอย่างเหนียวแน่น หรือปกป้องชนชั้นอภิสิทธิ์ชน คนรวย กลุ่มทุนแล้วละเลยทอดทิ้งประชาชน
สัญญาณอันตรายที่กำลังส่งถึงรัฐบาล ณ เวลานี้คือ เรื่องการดำเนินคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กรณีล่าเสือดำ ซึ่งล่าช้าจนกระแสสังคมปะทุพร้อมลุกฮือ ไม่นับรวมการไล่จับเด็กหนุ่มสาวนักศึกษาที่รณรงค์อยากเลือกตั้ง การคอรัปชั่นเงินคนจนที่ระบาดไปทั่วทุกจังหวัด ทั้งๆ ที่รัฐบาลชูเป็นหนึ่งในภารกิจเร่งด่วน และที่สำคัญ ประชาชนอยากเลือกตั้ง
ธรรรมชาติทหาร ไม่ใช่นักการเมือง นี่เป็นธรรมชาติที่อันตรายและมีบทเรียนมาตลอดประวัติศาสตร์ไทย ว่า จุดยืนและท่าทีความเป็นทหารอย่างนี้ แหละ ทหารที่ไม่ฟังเสียงประชาชน จึงไม่เหมาะจะเป็นนักการเมือง เพราะนักการเมืองจริงๆ จะต้องฟังเสียงประชาชน เป็นหลักไม่ใช่ฟังคนของตน และถ้ายืนกรานอย่างมีทิฐฐิที่จะไม่ฟังกระแสเสียงประชาชน ต่อให้เป็นรัฐบาลทหารที่แข็งแกร่งแค่ไหน ก็ล้มพับพังพ่ายมาแล้ว ทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองดู!!!
–
อัฎธิชัย ศิริเทศ ทีมงานไทยเอ็นจีโอ