31 January 2018
1377
ถ้าถามประชาชนคนไทยเชื่อได้เลยว่า ไม่มีใครไม่รับรู้ว่า ภารกิจ คสช. และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เข้ามายึดอำนาจและแต่งตั้งตัวเองบริหารบ้านเมืองตั้งแต่พฤษภาคม 2557 ด้วยเป้าหมายอะไรบ้าง อย่างแรกเลยคือ ปฏิรูปบ้านเมือง ระงับความขัดแย้ง อย่างที่สองคือปราบปรามการคอร์รัปชั่นและอย่างที่สามคือ คืนประชาธิปไตยโดยเร็วให้กับประชาชน
ถึงวันนี้ 4 ปี เต็มๆ กับภารกิจที่นั้น ถามว่า บรรลุมรรคผลเช่นนั้นหรือไม่ ตรงๆ คือ หากมองที่การปฏิรูป วันนี้พูดได้เต็มปากว่า เข้ารกเข้าพงลงเหวไปเกือบทุกๆ ด้าน ซ้ำและเสื่อมหนักแม้กระทั่งกระบวนการยุติธรรม ที่วันนี้ สถาบันหลักของรัฐได้ถูกอำนาจบริหารและอำนาจพิเศษใช้เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง กลายเป็นการบริหารประเทศที่ขาดซึ่งความยุติธรรม!!
ประเด็นที่สองกับภารกิจการปราบปรามคอร์รัปชั่นนั้นก็ไม่แตกต่าง ฉาวโฉ่ตั้งแต่ลูกทหารตั้งบริษัทในค่ายและรับเหมางานในค่าย การจัดซื้ออาวุธ การอนุมัติบิ๊กโปรเจค เรื่อยมาจนถึงกรณีนาฬิกาหรู ไม่มีสัญญาณใดแสดงหรือชี้ชัดว่า รัฐบาลทหารและ คสช. จะกล้าหรือจริงจังกับการแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชั่น
และประเด็นสุดท้าย เรื่องการคืนอำนาจ คืนสิทธิเสรีภาพให้ประชาชน ซึ่งก็คือเรื่องการเลือกตั้ง ที่นายกฯ ประยุทธ์ หรือหัวหน้า คสช. รับปาก แถลงข่าวออกสื่อหลายครั้ง ว่าจะจัดให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว วันนี้ออกมาพูดชัดเจนแล้ว ว่า ไม่ได้รับปากและยังไม่มีการเลือกตั้งเร็วๆ นี้ !!! สมทับตามมาด้วยเสียง สนช. หรือสภาแต่งตั้ง ว่า นายกฯ ประยุทธ์ ควรอยู่ต่อ
ความสุกงอมจนเริ่มปริแตกก็บังเกิดชัดเพราะในวันนี้ อานิสงส์สำคัญอันเป็นผลประโยชน์จากนโยบายรัฐบาลประยุทธ์ ที่ต่อเนื่องมาตลอดหลายปีคือกลุ่มทุนที่สนับสนุนรัฐบาลในโครงการประชารัฐ แต่รากหญ้าโดยเฉพาะเกษตรกรถูกทอดทิ้ง เศรษฐกิจซบเซาหนักต่อเนื่อง เกิดปัญหาว่างงานและแรงงานทยอยตกงาน คนรุ่นใหม่ๆ ไม่มีงานทำ นโยบายการศึกษาให้ลดปริมาณบัณฑิตภาควิชาทางสังคม ภาคธุรกิจหลายองค์กรกำลังล้มละลาย นี่สัญญาณอันตรายที่กำลังส่งถึงผู้มีอำนาจ!!
วันนี้ รอแค่เสียงจากชนชั้นกลางเท่านั้น ว่าเมื่อไหร่จะกลับใจ แล้วทุกๆอย่างจะบรรจบ ณ จุดๆ เดิม ครับ
อัฎธิชัย ศิริเทศ ทีมงานไทยเอ็นจีโอ
